5 ผักผลไม้ลดรอยขอบตาดำ ตาคล้ำ ตาแพนด้าแถม 6 วิธีป้องกันตาแพนด้า

 จะหลินปิง ช่วงช่วง หรือแพนด้าพันธุ์ไหนก็แล้วแต่ หลบไปเลยเมื่อเจอแพนด้าตัวแม่อย่างสาว ๆ อย่างเรา ไหนจะนอนดึก จ้องคอมพ์ ตาไม่กระพริบเป็นเวลานาน เพราะเร่งงานให้ทันจนหามรุ่งหามค่ำ จนกระทั่งตาลึกโบ๋เป็นผีลืมหลุม เนื่องจากไอ้เจ้ารอยคล้ำใต้ตาตัวดีมาเยือนซะด่วนจี๋โดยไม่ให้ตั้งตัว แถมรอยย่น ตีนกาแห่มาเป็นขบวน โอ้ยย กลุ้มค้า!

          จะพึ่งพวกอายครีม (Eye Cream) ทั้งหลายแหล่ ก็แพงหูฉี่ ถ้าได้ผลรอยดำใต้ตาหายวับไปก็ดีหรอก แต่มันน่าเจ็บใจตรงที่ไม่ได้ผลน่าซิ ที่สำคัญ เสียดายตังค์ค๊า

          เมื่อจวนตัวต้องรีบไปทำงานพรุ่งนี้เช้า แต่ก็กลัวปากของเพื่อนๆ จะทักว่าไปทำรัยมาหนังตาด้ำ ดำ ก็ขอพึ่งภูมิปัญญาชาวบ้านนี่แหละ ว่าแล้ว…ก็แว้บหายไปสาละวนขลุกอยู่ในครัวไม่ถึง 15 นาที ได้ผัก ผลไม้ มาทำสวยดังนี้จ้า

สวยและเด้ง แถมสตางค์อยู่ครบ ขอไล่เรียงสรรพคุณของ 5 ผักผลไม้ลดรอยขอบตาดำ ตาคล้ำ มีดังต่อไปนี้


          1. แตงกวา ช่วยความชุ่มชื่น ลดอาการบวมแดง

          2. กล้วย ช่วยให้ผิวใต้ตานุ่มนวล ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น

          3. มันฝรั่ง มอบความสดชื่น กระจ่างใสให้ดวงตา

          4. แครอท ผสมน้ำผึ้ง ไล่ตีนกาได้ดีนัก

          5. มะเขือเทศ ทำให้ดวงตาสดใส ปิ๊งปั๊ง

          ในการ Test ครั้งนี้ ดิฉันขอเลือกมันฝรั่ง มาลองทำให้ชมดีกว่า เค้าว่ากันว่า ได้ผลรวดเร็ว หยุดรอยคล้ำใต้ตาได้ชัดนัก เพราะมันฝรั่งมีเอนไซม์ (Enzyme) ที่ทำให้สีผิวดู อ่อนจางลงได้ จึงช่วยลดความหมองคล้ำได้ชั่วคราว วิธีนี้จึงเหมาะจะใช้เวลาที่คุณสาวๆ ต้องการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน

พื้นฐานดวงตาทุน เดิมเป็นคนเบ้าตาลึกคะ จึงค่อนข้างคล้ำดำง่ายกว่าคนปกติทั่วไป วิธีทำแสนง่าย

          เลือกมันฝรั่งผลใหญ่หน่อย เพื่อที่เวลาฝานจะได้ปิดตาได้มิดไงละ และล้างผลมันฝรั่งให้สะอาด จากนั้นฝานให้บางๆ นำมาแปะดวงตาประมาณ 15-20 นาที นอนหลับไปเลยได้ยิ่งดีเพื่อพักผ่อนสายตาจากการเหนื่อยล้า

หากแช่มันฝรั่งใน ตู้เย็นยิ่งดีใหญ่ ช่วยลดปัญหาตาบวมได้ แถมสดชื่นอีกด้วยคะ เมื่อฝานโปะเสร็จปรากฏว่า

          หลังจากแปะมันฝรั่งครบ 15-20 นาทีแล้ว ดูผ่านๆ อาจจะเห็นผลไม่ค่อยชัดนัก (แหม ก็เราไม่นิยมรีทัชหลอกคนอ่านนี่นา) แต่ดูดีๆ สีคล้ำจะจางลงหน่อย ทั้งนี้อาจเพราะทำแค่ครั้งแรก และครั้งเดียว ทว่าหากไม่ขี้เกียจ หมั่นทำประจำสม่ำเสมอคงดีแน่ เพราะแค่ครั้งแรกยังรู้สึกถึงความชุ่มชื่น มีชีวิตชีวาบริเวณผิวรอบดวงตา เย็นๆ ตึงๆ ตาสว่างสดชื่น เนื่องจากน้ำจากมันฝรั่งทำให้ตาชุ่มชื่น

          บางท่านไปลองทำ อาจรู้สึกคันยุบยิบเล็กน้อย แต่ห้ามเอามือไม่เกานะคะ เพราะตำราบอกไว้ว่าจะรู้สึกยิบนิดๆ ซึ่งไม่เป็นผลร้ายอะไร
          เราตั้งใจว่าจะทำเองสม่ำเสมอแล้วล่ะ ก็ของดีหาง่ายในครัวไม่ต้องสรรหาจากแดนไกล ว่างๆ ท่านผู้อ่านลองทำดูได้นะคะ ของธรรมชาติคะไม่มีการแพ้แต่อย่างใด

6 วิธีป้องกันตาแพนด้า

          1) อย่าให้กล้ามเนื้อตาล้าเกินไป ด้วยการนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ให้พักสายตาทุก 15 นาที การมองออกไปไกลๆ จะทำให้ดวงตาไม่เกิดอาการล้า พร้อมปรับแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้แสงพอเหมาะ

          2) หากรู้สึกอ่อนล้าให้นวดคลึงเบาๆ และควรบริหารดวงตาเพื่อคลายความตึงเครียด ด้วยการกลอกตาไปรอบๆ เป็นวงกลม สัก 5-6 รอบ ใช้นิ้วนางทั้ง 2 นิ้วแตะที่หัวตาแต่ละข้าง คลึงเบาๆ แบบกดจุดนาน 1-2 วินาที เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยถนอมดวงตาคู่สวยของคุณได้แล้วล่ะค่ะ

          3) เพิ่มปริมาณการดื่มน้ำของคุณให้ได้อย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน

          4) การสวมแว่นกันแดดที่เจือสีเล็กน้อย ก็จะทำให้พรางรอยคล้ำใต้ตาลงไปได้

          5) การใส่คอนแทคเลนส์บ่อยๆ ก็เป็นสาเหตุดึง เพราะเราต้องรบกวนเปลือกตาด้วยการถ่างตาบ่อยๆ ทำให้เกิดรอยย่น ตัวดีเชียวแหละ

          6) รอยคล้ำใต้ตาที่เกิดขึ้นมักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเส้นเลือดฝอยบริเวณใต้ ดวงตา หรือบางคนก็เกิดจากเป็นโรคภูมิแพ้ หรือกรรมพันธุ์ค่ะ คนที่ขยี้ตาบ่อยๆ ไม่ว่าจะเพราะเป็นภูมิแพ้แล้วคัน หรือว่าขยี้ตาด้วยความเคยชิน ก็ทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ตาแตกได้และเห็นเป็นรอยคล้ำได้


ถาม-ตอบ 30 ข้อเกี่ยวกับการคุมกำเนิด จากหมอชาวบ้าน

ถ้าพูดถึงเรื่องการคุมกำเนิด หลายคนคงคิดถึงการทำอย่างไรไม่ให้มีลูกเท่านั้น แต่ความเป็นจริงนั้น มันเป็นส่วนหนึ่งของการมีชีวิตคู่ การเริ่มต้นของการใช้ชีวิตคู่ของคนสองคน ซึ่งมาจากครอบครัวและการเลี้ยงดูที่แตกต่างกัน ย่อมมีความรู้สึกนึกคิด ตลอดจนอุปนิสัยและพฤติกรรมแตกต่างกันออกไปด้วย แต่เมื่อมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ก็ต้องมีการปรับตัวปรับใจเข้าหากัน มีสัมพันธภาพที่ดีและสอดคล้องต้องกันร่วมกันสร้างครอบครัวที่อบอุ่น และมีการวางแผนครอบครัวที่เหมาะสม


การคุมกำเนิดเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนครอบครัวของชีวิตคู่ในขณะที่ไม่พร้อมจะมีลูก
ถึง แม้การคุมกำเนิดจะมีการรณรงค์ เผยแพร่ และการปฏิบัติอย่างจริงจัง ทั้งหน่วยงานเอกชน และรัฐบาล แต่ความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการคุมกำเนิดก็ยังมีอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาในขณะที่ครอบครัวยังไม่มีความพร้อม

อาจารย์จริยาวัตร คมพยัคฆ์ แห่งคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รวบรวมความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการคุมกำเนิดไว้ว่า

- หญิงหลังคลอดยังไม่มีประจำเดือนจะไม่คุมกำเนิดเพราะคิดว่าไม่ตั้งครรภ์
- ถ้าบุตรยังดูดนมอยู่จะไม่ตั้งครรภ์โดยไม่ต้องคุมกำเนิด
- ถ้าแม่ของหญิงหลังคลอดเคยมีบุตรห่างจะคิดว่าตนเองน่าจะมีบุตรห่างด้วย จึงไม่คุมกำเนิด
- หลังแท้งถ้าประจำเดือนยังไม่มาจะไม่ตั้งครรภ์
- การใช้ถุงยางอนามัยทำให้เกิดความรู้สึกดีไม่เท่าธรรมชาติ
- การหลั่งภายนอกช่องคลอดทำให้ไม่ตั้งครรภ์
- การนับวันปลอดภัยคิดว่าป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ๑oo เปอร์เซ็นต์
- ฝ่ายหญิงเท่านั้นมีหน้าที่ที่จะต้องป้องกันการตั้งครรภ์ เช่นกินยา
- ผู้ชายทองแดง (อัณฑะมี testis ข้างเดียว) เป็นหมัน ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าผู้หญิงจะตั้งครรภ์
- ถ้าสามีไม่อยู่ด้วยประจำ เช่น ไปต่างจังหวัดนานๆ จะกินยาคุมเฉพาะเวลาสามีกลับมาคือก่อนการร่วมเพศ
- ใช้ถุงยางอนามัยซ้ำ (ล้างและเก็บไว้แบบถุงมือ) ได้
- ลืมกินยาแล้วไม่ท้อง ก็เลยลืมบ่อยๆ คิดว่าไม่เป็นไร
- ฝ่ายชายคิดว่าทำหมันแล้วหมดสมรรถภาพ
- หลังร่วมเพศ ฝ่ายหญิงล้างช่องคลอดด้วยน้ำส้มสายชู หรือยาฆ่าเชื้ออื่นๆ จะทำให้ไม่ตั้งครรภ์ เพราะเชื้ออสุจิตายแล้ว
- การร่วมเพศครั้งที่สอง (ในเวลาเดียวกัน) ไม่ต้องสวมถุงยางอนามัย เพราะอสุจิหลั่งออกไปหมดแล้วตั้งแต่การร่วมเพศครั้งแรก
และอื่นๆ

รูปแสดงการเดินทางของไข่จากรังไข่ ผ่านปีกมดลูกผสมกับเชื้ออสุจิ และมาอยู่ที่มดลูก

จาก การเข้าใจผิดๆข้างต้นจะเห็นว่าถึงแม้คู่สมรสจะเตรียมการคุมกำเนิด แต่เมื่อไม่เข้าใจรายละเอียดการคุมกำเนิด ก็ไม่สามารถที่จะคุมกำเนิดให้ได้ผลอย่างจริงจังได้ ดังนั้นเราจึงเชิญนายแพทย์พนิตย์ จิวะนันทประวัติ มาตอบคำถามที่มักจะเกิดขึ้นเกี่ยวกับวิธีคุมกำเนิดที่บางท่านยังไม่เข้าใจ

ถาม-ตอบ 30 ข้อเกี่ยวกับการคุมกำเนิด จากหมอชาวบ้าน มีอะไรบ้าง ไปอ่านกันเลย

1. บางคนคุมกำเนิดโดยใช้ถุงยางอนามัย แล้วทำไมจึงตั้งครรภ์ได้
สามี ภรรยาจำนวนไม่น้อยมีเพศสัมพันธ์กันจนกระทั่งฝ่ายชายใกล้ถึงจุดสุดยอดจึงค่อย ใส่ถุงยางอนามัย ซึ่งอันนี้เป็นวิธีที่ผิด เพราะว่าฝ่ายชายในขณะที่มีเพศสัมพันธ์จะมีตัวเชื้อออกมาบ้างแล้ว โดยที่ไม่จำเป็นต้องถึงจุดสุดยอด ฉะนั้นจึงทำให้ภรรยาตั้งครรภ์ได้
การ ใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องต้องใช้ตั้งแต่เริ่มต้นคือเวลาที่อวัยวะเพศชาย แข็งตัวต้องใส่ทันที เมื่อถึงจุดสุดยอดแล้วขนาดของอวัยวะเพศชายจะเล็กลงจึงไม่ควรแช่ไว้ เพราะน้ำเชื้ออาจจะออกจากถุงยางได้
นี่คือเหตุผลหนึ่งที่บางคนเข้าใจผิด คิดว่าหลั่งภายนอกช่องคลอดจะไม่ทำให้ตั้งครรภ์เพราะคิดว่าถึงจุดสุดยอดเชื้อ จึงออกมา แต่ความจริงออกมาบ้างแล้วตั้งแต่ยังไม่ถึงจุดสุดยอด

2. หากถุงยางหมดอายุจะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้หรือไม่
การใช้ถุงยางที่หมดอายุหรือคุณภาพไม่ดี ก็มีส่วนทำให้ป้องกันการคุมกำเนิดไม่ได้ผล เพราะถุงยางอาจฉีกขาดหรือรั่วได้

3. การใช้ถุงยางให้ความรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติจริงหรือไม่
การ ที่บ้านเรายังใช้ถุงยางอนามัยกันน้อย เพราะเข้าใจว่ามันไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนคันแล้วเกานอกเสื้อ แต่ที่จริงก็ได้ความรู้สึกเหมือนกัน บางคนที่มีความรู้สึกไว หลั่งเร็ว การใช้ถุงยางจะช่วยตรงนี้ได้ด้วย

4. การใช้ถุงยางอนามัยมีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไร
การ ใช้ถุงยางอนามัยเป็นการคุมกำเนิดที่ดีต่อฝ่ายหญิง เพราะไม่ต้องกังวลกับปัญหาในเรื่องผลข้างเคียงของการกินหรือฉีดยาคุมกำเนิด รวมทั้งป้องกันการติดเชื้อจากโรคทางเพศสัมพันธ์ และโรคเอดส์ได้

5. ปกติการคุมกำเนิดโดยนับวันของรอบเดือนถือว่าช่วงไหนเป็นวันปลอดภัย
ช่วง ที่ไข่ฝ่อและเยื่อบุมดลูกสลายตัวหลุดออกจากผนังมดลูกและช่วงเวลาที่ไข่เริ่ม เจริญเติบโต เป็นช่วงที่ถือว่าปลอดภัยจากการที่จะมีลูก คือ ระหว่างช่วง 7 วันก่อนมีประจำเดือนวันแรก และ 7 วันหลังมีประจำเดือนวันแรก
ช่วงที่ตกไข่ คือ ช่วงหลังวันที่ 7-21 ของรอบเดือนจึงเป็นช่วงที่ไม่ปลอดภัยมีโอกาสมีลูกได้

6. การนับวันปลอดภัย ทำไมถึงไม่สามารถป้องกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์
การ คุมกำเนิดโดยวิธีใช้นับรอบเดือนนั้น ส่วนใหญ่รอบเดือนของผู้หญิงมักคลาดเคลื่อน โดยเฉลี่ยประจำเดือนแต่ละรอบจะใช้เวลาประมาณ 28 วัน หรือ 28 บวกลบ 7คือ บางคนอาจจะประมาณ 21 วัน (28-7) หรือบางคนอาจจะ 35 วัน (28+7) ซึ่งถือว่ามาปกติ
ปัญหาของการ นับวันโดยวิธีธรรมชาติ คือ หากรอบเดือนเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากมีปัจจัยอะไรมาเกี่ยวข้อง เช่น ความเครียด การเจ็บป่วย ก็ทำให้ประจำเดือนมาเร็ว หรือเลื่อนออกไป การคุมกำเนิดก็อาจพลาดได้ นี่คือเหตุผลที่ว่าการนับวันอาจพลาดได้ถ้าเดือนใดประจำเดือนมาคลาดเคลื่อน

7. หลังคลอด หรือหลังจากแท้งลูก หรือลูกดูดนม และประจำเดือนยังไม่มา จะไม่ตั้งครรภ์จริงหรือไม่
ที่ถือว่าประจำเดือนยังไม่มาจะไม่มีลูกนั้น ไม่จริง เพราะรังไข่ของฝ่ายหญิงอาจเพิ่งเริ่มทำงาน ดังนั้นโอกาสที่จะมีลูกจึงเป็นไปได้

8. การกินยาคุมกำเนิดกินช่วงไหนของเดือนก็ได้ ใช่มั้ย
การคุมกำเนิดนั้นไม่ใช่กินตอนไหนก็ได้ผล
การคุมกำเนิดที่ได้ผลนั้นต้องเริ่มกินในวันที่ถูกต้อง คือ กินในวันแรกที่มีรอบเดือน หรือในช่วงที่มีประจำเดือนภายใน 5 วันแรกเท่านั้น
ที่ สำคัญการกินยาคุมกำเนิดต้องกินติดต่อกันทุกวัน และควรเป็นเวลาเดียวกันทุกวัน แต่ละเม็ดไม่ควรห่างกันนานกว่า 24 ชั่วโมง กินหลังอาหารเย็น หรือก่อนนอนจะดี เพราะยาคุมจะออกฤทธิ์ ซึ่งเป็นเวลาที่หากเกิดผลข้างเคียงก็อยู่ที่บ้าน
การกินยาคุมต้องกินติดต่อกันตามกำหนด ไม่ใช่วันไหนไม่มีเพศสัมพันธ์ก็ไม่กิน วันไหนมีเพศสัมพันธ์ก็กิน เช่นนี้คุมไม่ได้

ยาเม็ดคุมกำเนิด

9. ยาคุมกำเนิดทำไมมี 21 เม็ด กับ 28 เม็ด
ยาคุมกำเนิดจะมีสองชนิดคือ ชนิด 21 เม็ด และ 28 เม็ด
ชนิด 21 เม็ด เมื่อกินหมดแผงแล้วก็ให้เว้น 7 วัน แล้วจึงเริ่มแผงใหม่ต่อไป
สำหรับ ชนิด 28 เม็ดนั้น เขาให้กินทุกวันติดต่อกันแผงต่อแผง อันที่จริง 28 เม็ดก็มีตัวยาเพียง 21 เม็ด อีก 7 เม็ดสุดท้ายซึ่งจะมีสีแตกต่างกันนั้น ไม่ได้เป็นยาคุม เป็นวิตามินหรืออื่นๆ

10. หากลืมกินยาคุมไป 1 เม็ด ควรทำอย่างไร
หากลืมกิน 1 เม็ดให้รีบกินยาทันทีที่นึกได้ และกินเม็ดต่อไปตามปกติ
หาก ลืมกินในช่วงอาทิตย์แรกและอาทิตย์สุดท้ายก็มีโอกาสน้อยที่จะมีลูก แต่ถ้าลืมกินและมีเพศสัมพันธ์ในช่วงอาทิตย์ที่ 2 และ 3 โอกาสที่จะมีลูกได้จึงสูง ดังนั้นหากลืมกินจึงควรเปลี่ยนเป็นใช้ถุงยางอนามัย

11. ได้ยินว่ากินยาคุมแล้วมีผลข้างเคียง เช่น ทำให้อ้วน แพ้ยา จริงหรือไม่
คนที่กินยาคุมมีแนวโน้มที่จะอ้วนมากกว่าคนไม่ได้กิน เพราะยาจะสะสมในร่างกายในรูปไขมัน จึงควรควบคุมการกินอาหาร
ส่วน ในเรื่องแพ้ยาคุมนั้นเป็นความเข้าใจผิด อาการที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลข้างเคียงของยา เช่น กินแล้วบางคนอาจคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ตื่นนอนตอนเช้าอยากอาเจียน

12. ใครที่ไม่ควรกินยาคุมกำเนิด
คน ที่ไม่ควรกินยาคุมคือคนที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคเกี่ยวกับเลือด ปวดหัวบ่อยๆ เป็นโรคเกี่ยวกับตับ เป็นโรคหัวใจ หรือมีประวัติเคยเป็นมะเร็งมาก่อน คนที่มีโรคเหล่านี้ไม่ควรกินยาคุม
สำหรับคนที่กินยาคุมแล้วรู้สึกผิดปกติก็ควรปรึกษาแพทย์ เพราะความเหมาะสมที่จะเลือกใช้ยาในการคุมกำเนิดของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน

13. ยาคุมกำเนิดชนิดกินหลังร่วมเพศได้ผลแน่นอนหรือไม่
การ กินยาคุมกำเนิดคือ กินก่อนร่วมเพศหรือหลังร่วมเพศ แต่ประเภทหลังนี้ทางการแพทย์ยังไม่ยืนยันว่าใช้คุมกำเนิดได้แน่นอน ยานี้เขามีข้อกำหนดว่าต้องมีเพศสัมพันธ์ไม่บ่อย ประมาณอาทิตย์ละ 1ครั้ง เป็นอย่างมาก และต้องกินยาทันทีภายใน 1 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ถ้าช้าไปกว่านั้นอาจท้องได้

14. ยาคุมกำเนิดแบบฉีด แต่ละครั้งคุมได้นานเท่าใด
ปัจจุบัน ยาฉีดคุมกำเนิดนั้น ฉีดครั้งหนึ่งมีฤทธิ์คุมกำเนิดได้ 3 เดือนโดยจะฉีดบริเวณสะโพก เมื่อฉีดแล้วตัวยาจะอยู่ที่สะโพก และค่อยๆขับฮอร์โมนออกมา

15. ควรเริ่มฉีดยาคุมกำเนิดเมื่อไร
การฉีดยา คุมกำเนิดก็เหมือนกับยากิน คือ ต้องเริ่มภายใน 5 วันแรกของรอบเดือนก่อนที่รังไข่จะทำงาน ถ้ารังไข่ทำงานแล้วจึงฉีด มีโอกาสท้องได้เช่นกัน

16. หลังจากฉีดยาคุมกำเนิด ประจำเดือนยังคงมาปกติหรือไม่
คน ที่ฉีดยาคุมกำเนิดต้องเข้าใจว่า เมื่อฉีดยาคุมแล้ว รอบเดือนจะผิดปกติเกือบทุกคน รอบเดือนจะมาไม่เหมือนเดิม ระยะแรกจะมากะปริดกะปรอย ไม่แน่นอน ฉีดนานๆหลายเข็มเข้า ประจำเดือนจะหายไปเลย
แต่ถ้าหยุดฉีดไประยะหนึ่ง ฮอร์โมนจากธรรมชาติก็เริ่มใหม่ ประจำเดือนก็จะมาปกติ

17. มีบางคนบอกว่า ถ้าฉีดยานานๆจะมีโอกาสเป็นหมันจริงหรือไม่
ไม่จริงครับ แต่จะทำให้มีลูกช้าได้
คนที่ฉีดยาต้องวางแผน เพราะไม่ใช่เมื่อพร้อมที่จะมีลูก หรืออยากมีลูกเมื่อไรแล้วหยุดฉีดจะมีลูกได้ทันที แต่ต้องรอไประยะหนึ่ง เช่น ฉีดไป 2 ปีกว่า ยาจะหมดฤทธิ์ก็ต้องรออีก 9 เดือน ถ้าฉีดนานปีกว่านี้ก็จะรอยาวนานขึ้นอีก การจะใช้ยาฉีด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อจะได้ตรวจร่างกายให้พร้อม

18. มีข้อควรระวังอย่างไรในการใช้ยาฉีด
เมื่อ ฉีดยาแล้ว อย่าไปคลึงหรือขยี้บริเวณที่ฉีด เพราะจะทำให้ตัวยาในร่างกายน้อยวันลง แทนที่จะอยู่ได้ 90 วัน หรือ 1 เดือน ก็อาจเหลือเพียงแค่ 80 วัน ถึงแม้การฉีดยาคุมนี้จะอยู่ได้ 3 เดือน แต่ส่วนใหญ่หมอมักนัดคนไข้มาฉีดก่อน 1 สัปดาห์

19. การใช้ยาฉีดคุมกำเนิดมีผลข้างเคียงอย่างไรหรือไม่
ผลข้างเคียงของยา ได้แก่ น้ำหนักตัวเพิ่ม ปวดหัว หงุดหงิด ปวดท้อง วิงเวียนและอ่อนเพลีย

20. การคุมกำเนิดโดยใส่ห่วงอนามัยนั้นเหมาะสำหรับคนประเภทใด
คนที่เหมาะสมในการใส่ห่วงอนามัยนั้น ควรเป็นคนที่เคยมีลูกแล้ว เพราะคนที่ไม่เคยมีลูก จะใส่ลำบาก และอาจจะทำให้ปวดท้องได้

21. การใส่ห่วงอนามัยช่วงใดที่ถือว่าเหมาะสม
จะใส่ห่วงเวลาใดก็ได้ แต่การใส่ในช่วงที่กำลังมีรอบเดือนจะใส่ง่ายที่สุดครับ

22. หลังจากใส่ห่วงแล้วต้องปฏิบัติตัวอย่างไร
เมื่อ ใส่เรียบร้อยแล้วก็มาตรวจตามที่หมอนัด อาจ 1-2 เดือนต่อครั้ง ดูว่าห่วงอยู่เรียบร้อยหรือไม่ ถ้าห่วงไม่กระชับจะได้ทำให้กระชับขึ้น เมื่อใส่ได้ระยะหนึ่งมดลูกจะปรับตัวของมันเอง ทำให้ห่วงอยู่ในตำแหน่งที่ควรจะอยู่
ปัจจุบันยังไม่มีห่วงอนามัยที่ดี ที่สุด คือใส่แล้วเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ก็มีการค้นคว้าตลอดเวลาเพื่อจะผลิตห่วงที่ใส่แล้วลืมเหมือนใส่ แหวนอยู่

23. การใส่ห่วงอนามัยมีผลข้างเคียงอย่างไรหรือไม่
ผลข้างเคียงของการใส่ห่วงอนามัยคือ ใส่แล้วอาจมีรอบเดือนมากขึ้น ปวดประจำเดือนมากขึ้น ตกขาวอาจมีบ้าง

24. การใส่ห่วงอนามัยสามารถคุมกำเนิดได้กี่ปี
ห่วงอนามัยในปัจจุบัน เป็นแบบอยู่ได้ 3ปี กับ 5 ปี เปลี่ยนครั้ง ควรปรึกษาผู้ให้บริการ

25. การฝังยาคุมกำเนิดทำอย่างไร และฝังตรงส่วนไหนของร่างกาย
การ ฝังยาคุมกำเนิดจะฝังที่ท้องแขน ยาที่ใช้ฝังจะเป็นเม็ดแคปซูลยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร ตอนใส่ไม่ยาก ครู่เดียวก็เสร็จ แต่ตอนเอาออกต้องใช้เวลานาน

26. การคุมกำเนิดด้วยการฝังยา คุมได้นานกี่ปี
การ ฝังยาในการคุมกำเนิด คุมได้ประมาณ 5 ปี ปัจจุบันบ้านเรายังไม่แพร่หลาย เพราะมีราคาแพง ยานี้ฝังแล้วคุมกำเนิดได้ 5 ปี แต่ส่วนใหญ่แล้วฝังไม่ถึง 5 ปีก็ผ่าออกกัน เพราะว่ามีผลข้างเคียงคือ มีเลือดออกกะปริดกะปรอย บางคนทนรำคาญไม่ไหว เลยให้หมอผ่าออก

ถุงยางอนามัยผู้หญิง

27. แล้วที่เคยได้ยินว่ามีถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง ไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ถุง ยางอนามัยผู้หญิง อันนี้คงเกิดขึ้นเพราะมีเรื่องโรคเอดส์เป็นตัวนำ เมื่อผู้ชายไม่ยอมใส่ถุงยาง ฝ่ายหญิงก็เลยนำมาใช้ป้องกันตนเอง แต่ยังไม่เป็นที่นิยมกัน อาจเป็นเพราะรูปร่างดูแล้วเหมือนถุงกาแฟ ใส่ลำบาก

28. นอกจากการคุมกำเนิดวิธีดังกล่าวข้างต้น ยังมีวิธีอื่นอีกหรือไม่
นอกจากที่กล่าวมาทั้ง 7 แบบ ยังมีการคุมกำเนิดแบบอื่นๆ แต่ยังไม่นิยมใช้ในเมืองไทย หรือเพิ่งจะนำเข้ามาทดลองใช้ เช่น

ไดอะแฟรมพร้อมเยลลี่คุมกำเนิด

ไดอะแฟรม มีรูปร่างคล้ายกระทะ ขอบเป็นวงแหวน ขอบยางยืดหยุ่นได้ ตัวเป็นยาง ใส่ในช่องคลอดเพื่อปิดกั้นไม่ให้เชื้ออสุจิผ่านเข้าไปถึงปากมดลูก ก่อนใส่จะมีครีมทาควบคู่กัน นอกจากจะช่วยหล่อลื่นแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อเล็ดลอดเข้าไป แต่ใช้ชั่วคราว คือใส่เมื่อมีเพศสัมพันธ์แล้วก็นำออก
ยังมีชนิดอื่นๆอีกแต่ยังไม่แพร่หลายในไทย

29. ทุกคนจะเลือกทุกวิธีคุมกำเนิดได้จริงหรือไม่
การเลือกวิธีคุมกำเนิดนั้น ขึ้นกับความเหมาะสมของแต่ละบุคคลว่าจะเลือกใช้วิธีใด ไม่ใช่ทุกคนจะเหมาะสมกับทุกวิธี

30. ทำไมการคุมกำเนิดจึงมักเป็นฝ่ายหญิงคุม
การ คุมกำเนิดต้องยอมรับว่า ผู้หญิงเป็นผู้ที่ต้องรับภาระเสียเป็นส่วนมาก เพราะกระบวนการตั้งครรภ์อยู่ในผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ และวิธีการคุมกำเนิดในผู้หญิงก็มีให้เลือกมากกว่าในผู้ชาย
ชีวิตคู่เป็น ชีวิตที่ต้องมีความรัก ความเมตตา ความอดทน ความเข้าใจเอื้ออาทรต่อกันและกัน ฝ่ายชายจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าใจในเรื่องการคุมกำเนิดของฝ่ายหญิงด้วย เพราะหากการคุมกำเนิดใดที่มีผลข้างเคียงต่อชีวิตคู่จนเดือดร้อน ฝ่ายชายอาจต้องปรับเปลี่ยนการมีเพศสัมพันธ์ให้เหมาะสม เพื่อมิให้คู่ชีวิตต้องเสียสุขภาพ

ในขณะเดียวกัน ปัจจุบันโรคทางเพศสัมพันธ์ที่น่ากลัวสำหรับชีวิตครอบครัวคือ โรคเอดส์ หากฝ่ายชายมีพฤติกรรมสำส่อน ย่อมนำโรคร้ายมาสู่ครอบครัว ทำให้เกิดความเดือดร้อนและวุ่นวายสับสน ดังนั้นจึงควรงดพฤติกรรมสำส่อน เปลี่ยนวิถีชีวิตให้มีวัฒนธรรมที่ถูกต้อง ดังคำกล่าวที่ว่า ชายไทย ไม่เที่ยวสำส่อน

ที่มา: หมอชาวบ้าน

10 พืชสมุนไพรไล่ยุงและสารป้องกันยุง

ช่วงนี้กำลังจะเข้าสู่หน้าฝนกันแล้ว บ้านใครที่ยุงเยอะ ยุงชุม ลองหาพืชสมุนไพรไล่ยุงมาปลูกกันครับ ซึ่งพวกพืชสมุนไพรไล่ยุงเหล่านี้ จะมีสารป้องกันยุงอยู่ แต่ก่อนที่เราจะไปดูว่ามีพืชสมุนไพรไล่ยุงอะไรบ้าง เรามาทำความรู้จักกับสารป้องกันยุงที่ใช้ทาผิวหนังกันก่อนครับ

สารป้องกันยุง ใช้ทาผิวหนังเนื่องจากมีกลิ่นที่ยุงไม่ชอบ ทำให้ยุงบินหนีไปไม่เข้ามาใกล้ (มีคุณสมบัติเป็น repellent) จึงช่วยป้องกันมิให้ยุงกัด สารนั้นอาจเป็นพิษหรือไม่เป็นพิษต่อยุงก็ได้ สารป้องกันยุงแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
สารที่สกัดได้จากพืช เช่น น้ำมันตะไคร้หอม น้ำมันจากต้นน้ำมันเขียว (ยูคาลิปตัส) เป็นต้น
สารที่สังเคราะห์ขึ้นมา เช่น N,N-diethyl-m-toluamide และ 2-ethyl-1,3-hexanediol และ 1,1-carbonylbis (hexahydro-1H-azepine) เป็นต้น

สารป้องกันยุง ที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้
1. ไม่เป็นอันตรายหรือทำความระคายเคืองต่อผิวหนังและอวัยวะอื่น ๆของร่างกาย
2. ป้องกันยุงกัดได้เป็นเวลานานพอควร
3. สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานโดยที่คุณสมบัติไม่เปลี่ยนแปลง
4. ไม่มีสี ไม่เปรอะเปื้อนเสื้อผ้า
5. ไม่มีกลิ่นเหม็นรุนแรง (สำหรับคน)
6. ใช้ง่ายและสะดวก
7. ไม่เหนียวเหนอะหนะ ชำระล้างออกได้ง่าย
8. ราคาไม่แพง

10 พืชสมุนไพรไล่ยุง มีดังต่อไปนี้


1. มะกรูด ชื่อวิทยาศาสตร์ Citrus hystri
ลักษณะ มะกรูดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ใบหนาและมีรอยคอดตรงกลาง ดอกสีขาว ผิวของผลมะกรูดขรุขระเป็นปุ่มปมทั้งลูก น้ำในลูกมีรส เปรี้ยว มีหนามแหลมยาวตามลำต้นและกิ่ง
ส่วนที่ใช้ ผล
วิธีใช้ นำผิวของผลมะกรูดสดมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำมาโขลกผสมกับน้ำโดยใช้อัตราส่วน 1 ต่อ 1 แล้วกรองเอาแต่ส่วนที่เป็นน้ำมาใช้

2. ไพลเหลือง ชื่อวิทยาศาสตร์  Zingiber cassumunar
ลักษณะ ไพลเหลืองเป็นพืชหัว หัวเป็นแง่งโตติดกันเป็นพืด ใบเล็กยาว ปลายแหลม
ส่วนที่ใช้ หัว
วิธีใช้ นำหัวไพลเหลืองสดมาโขลกผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 แล้วกรองเอาแต่ ส่วนที่เป็นน้ำมาทาผิวหนัง แต่มีข้อเสียคือทำให้ผิวหนังติดสีเหลืองล้างออกยาก

3. สะระแหน่ ชื่อวิทยาศาสตร์  Mentha arversis  
ลักษณะ  สะระแหน่เป็นพืชเลี้อยตามพื้นดิน ลำต้นสีแดงเข้ม ใบกลมขนาด หัวแม่มือ ใบค่อนข้างหนา ริมใบหยักโดยรอบและมีกลิ่นหอม
ส่วนที่ใช้ ใบ
วิธีใช้  ขยี้ใบสะระแหน่สดทาถูที่ผิวหนังโดยตรง

4. กระเทียม ชื่อวิทยาศาสตร์  Allium sativum  
ลักษณะ  กระเทียมเป็นพืชหัว ประกอบด้วยกลีบเล็กๆ เกาะกัน โดยมีเยื่อ บางๆ สีขาวหุ้มหัวไว้เป็นชั้นๆ ใบยาว แข็งและหนา ดอกเป็นช่อ เล็กๆ สีขาวรวมกันเป็นกระจุกอยู่ที่ปลายก้านดอก
ส่วนที่ใช้  หัว
วิธีใช้  นำหัวกระเทียมสดมาโขลกผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 แล้ว กรองเอาแต่ส่วนที่เป็นน้ำมาทาผิวหนัง หรือจะใช้หัวกระเทียมสด ทาถูที่ผิวหนังโดยตรงก็ได้

5. กะเพรา ชื่อวิทยาศาสตร์  Ocimum sanotum  
ลักษณะ  กะเพราเป็นไม้พุ่มเตี้ย ลำต้นและใบมีขนปกคลุม ปลายใบแหลม ที่ นิยมปลูกตามบ้านมี 2 ชนิด คือ กะเพราขาว ใบสีเขียว และ กะเพราแดง ใบมีสีออกแดงเลือดหม ู
ส่วนที่ใช้  ใบ
วิธีใช้  ขยี้ใบสดหลายๆ ใบวางไว้ใกล้ตัว กลิ่นน้ำมันกะเพราที่ระเหยออก มาจากใบจะช่วยไล่ยุงไม่ให้เข้ามาใกล้ หรือจะขยี้ใบสดแล้วทาถูที่ ผิวหนังโดยตรงก็ได้ แต่กลิ่นน้ำมันกะเพรานี้ระเหยหมดไปค่อน ข้างเร็วจึงควรหมั่นเปลี่ยนบ่อยครั้ง

6. ว่านน้ำ ชื่อวิทยาศาสตร์  Acorus calamus
ลักษณะ  ว่านน้ำเป็นพืชที่ขึ้นอยู่ตามริมหนองน้ำหรือบริเวณที่ชื้นแฉะ เหง้า เป็นเส้นกลมหนา สีขาวออกม่วง เจริญงอกงามตามยาวขนานกับ ผิวดิน รากเล็กเป็นฝอย ใบแตกจากเหง้า ลักษณะเป็นเส้นตรง ปลายใบแหลม ผิวใบเรียบ เห็นเส้นกลางใบชัดเจน ช่อดอกทรง กระบอกสีเหลืองออกเขียว
ส่วนที่ใช้  เหง้า
วิธีใช้  หั่นเหง้าสดเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำมาโขลกผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 กรองเอาแต่ส่วนที่เป็นน้ำมาใช้ทาผิวหนัง

7. แมงลัก ชื่อวิทยาศาสตร์  Ocimum citratum
ลักษณะ  แมงลักเป็นพืชล้มลุก สูงประมาณ 60-70 เซนติเมตร ดอกสีขาว เป็นช่ออยู่ปลายกิ่ง
ส่วนที่ใช้  ใบ
วิธีใช้  ขยี้ใบสดทาถูที่ผิวหนัง

8. ตะไคร้หอม ชื่อวิทยาศาสตร์  Cymbopogon nardus
ลักษณะ  ตะไคร้หอมขึ้นเป็นกอ ลักษณะคล้ายตะไคร้บ้านแต่ใบยาวกว่าและ ลำต้นมีสีแดง ดอกเป็นพวงช่อฝอย
ส่วนที่ใช้  ต้นและใบ
วิธีใช้  นำต้นและใบสดมาโขลกผสมกับน้ำ ใช้อัตราส่วน 1 ต่อ 1 แล้ว กรองเอาแต่ส่วนที่เป็นน้ำมาใช้ทาผิวหนัง หรือนำต้นสด 4-5 ต้นมา ทุบแล้ววางไว้ใกล้ตัว กลิ่นน้ำมันตะไคร้หอมที่ระเหยออกมาจะช่วย ไล่ยุงไม่ให้เข้ามาใกล

9. ต้นยูคาลิปตัส ชื่อวิทยาศาสตร์  Eucalyptus citriodara
ลักษณะ ยูคาลิปตัสเป็นไม้ยืนต้นสูง ใบยาวรี ค่อนข้างหนา
ส่วนที่ใช้  ใบ
วิธีใช้  ขยี้ใบสดทาถูที่ผิวหนัง

10. ต้นไม้กันยุง (มอสซี่ บัสเตอร์)
      ต้นไม้กันยุงเป็นพันธุ์ไม้ที่ได้รับการพัฒนาโดยวิธีการทางพันธุ์วิศวกรรม ระหว่างพันธุ์ไม้ 2 ตระกูล คือ อาฟริกัน เจอราเนียม (African Geranium) และตะไคร้หอม (Citronella) ต้นไม้กันยุงจึงมีลักษณะคล้ายต้นเจอราเนียม แต่จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆของต้นตะไคร้หอม เนื่องจากน้ำมันตะไคร้หอมมีคุณสมบัติในการไล่ยุง (เป็น repellent)       ต้นไม้กันยุงนี้จึงสามารถไล่ยุงได้เช่นกัน แต่ประสิทธิภาพจะขึ้นอยู่กับขนาดของต้นไม้และพื้นที่ที่ใช้งาน เช่นต้นไม้กันยุง อายุประมาณ 2 เดือน จะมีความสูงจากผิวดินประมาณ 6 นิ้ว กลิ่นน้ำมันที่ระเหยออกมาจากต้นไม้จะสามารถไล่ยุงได้ในพื้นที่ประมาณ 100 ตารางฟุต เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในต้นไม้กันยุงจะมีสารอยู่สองชนิด คือ สารที่มีคุณสมบัติเป็นสารดึงดูดยุง (attractant) และสารไล่ยุง (repellent) ต้นไม้กันยุงที่ยังเล็กจะมีสารดึงดูดยุงมากกว่าสารไล่ยุง ต่อเมื่อโตขึ้นสารดึงดูดยุงจะค่อยๆลดปริมาณลง จนสารไล่ยุงสามารถแสดงคุณสมบัติได้เต็มที่  
ลักษณะ เป็นไม้พุ่ม ใบแตกออกจากทั้งตายอดและตาข้าง ขอบใบหยัก
ส่วนที่ใช้  ใช้ทั้งต้น โดยจะปลูกเป็นไม้ประดับ ในขณะเดียวกันก็จะช่วยไล่ยุง ไม่ให้เข้ามาใกล ้
วิธีใช้  วางกระถางที่ปลูกต้นไม้กันยุงไว้ในห้อง สามารถไล่ยุงได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ต้นไม้ก็ต้องการแสงแดดเพื่อการสังเคราะห์แสง จึง ควรนำต้นไม้ไปรับแสงแดดอย่างน้อยวันละ 4 ชั่วโมงและรดน้ำให้ ชุ่มในเวลาเช้า หากแสงแดดไม่จัด ควรให้น้ำพอสมควรเพื่อ ป้องกันมิให้รากเน่า

เป็นไงกันบ้างครับ ลองหาพืชสมุนไพรไล่ยุงมาปลูกกันนะครับ หรือจะแนะนำเพิ่มเติม ก็โพสต์คอมเม้นท์ ใต้บทความได้เลยครับ

โรคภูมิแพ้คืออะไร? จะป้องกันและรักษาโรคภูมิแพ้แต่ละประเภทได้อย่างไร?

โรคภูมิแพ้คืออะไร


โรคภูมิแพ้ คือ โรคที่เกิดขึ้นเนื่องจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อสิ่งแปลกปลอม หรือที่เรียกอีกอย่างว่า สารก่อภูมิแพ้ ที่ผ่านเข้าไปใน ร่างกายในคนปรกติ ปฏิกิริยาเช่นว่านี้จะเกิดขึ้นน้อยมากและไม่มีอาการแต่อย่างใด แต่ในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ปฏิกิริยาของร่างกายต่อสารก่อ ภูมิแพ้จะเกิดขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการผิดปรกติเกิดขึ้น

เนื่องจากพยาธิสภาพในอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งอาจจะเกิดเฉพาะที่หรือกระจายไปก็ได้ ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ มีปฏิกิริยาภูมิไวเกินต่อ ฝุ่น ตัวไรฝุ่น เชื้อราในอากาศ อาหาร ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ เป็นต้น สารที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิไวเกินนี้เรียกว่า 'สารก่อภูมิแพ้'

โรคภูมิแพ้ สามารถแบ่งได้ตามอวัยวะที่เกิดโรคได้เป็น 4 โรคคือ

 1.โรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคแพ้อากาศ
 2.โรคตาอักเสบจากภูมิแพ้
 3.โรคหอบหืด
 4.โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง

โรคภูมิแพ้เกิดจากสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งอาจแบ่งได้เป็นพวกใหญ่ๆ 4 ชนิด คือ

1. เป็นสิ่งที่หายใจเข้าไป เช่น พวกเกสรพืช เชื้อราในอากาศ ฝุ่นบ้าน ขนสัตว์
2. เป็นสิ่งที่รับประทานเข้าไป เช่น อาหาร เครื่องดื่ม สารแต่งสีและรส
3. เป็นสารที่ฉีดเข้าไปในร่างกาย เช่น ยา
4. เป็นสิ่งที่สัมผัสกับร่างกาย เช่น เครื่องประดับ เครื่องสำอาง เครื่องนุ่งห่ม ยาทา เครื่องใช้ประจำบ้าน

วิธีการป้องกันและรักษาโรคภูมิแพ้ 


กฎข้อหนึ่งที่คนเป็นโรคภูมิแพ้รู้ดีก็คือ "โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่ไม่มียารักษา และการกินยารักษาโรคภูมิแพ้ก็เป็นเพียง ระงับอาการชั่วคราวเท่านั้น ไม่นานก็กลับมาเป็นอีก" ถึงอย่างไร ก็ไม่มีปัญหาใดที่เกิดขึ้นแล้วจะแก้ไขไม่ได้ รวมถึงการเอาชนะโรคภูมิแพ้ด้วย และทางแก้ที่ได้ผลดีที่สุดก็คือ ตัวเราค่ะ เพียงยินดีกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตอย่างจริงจัง เพื่อให้ภูมิต้านทานโรคดีขึ้น ก็สามารถลืมโรคภูมิแพ้ไปได้แล้วค่ะ

ประสบการณ์ของผู้อื่นก็เป็นการเรียนรู้แบบทางอ้อม ที่สร้างความเชื่อว่าเห็น ผลจริง และเป็นแรงบันดาลใจให้เราลุกขึ้นมาดูแลตัวเองได้ดีที่สุดทางหนึ่ง ประสบการณ์และทางออกของคนเป็นโรคภูมิแพ้ต่อไปนี้ คือสิ่งที่คุณนำมาปรับใช้ได้ค่ะ

แพ้อากาศตลอดทั้งปี

คุณสุธาสินี บุญเลิศรัตน์อาจารย์มหาวิทยาลัย วัย35 ปี ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้อากาศตั้งแต่อายุ 3 ขวบ เนื่องจากไม่ได้ดื่มนมแม่ และคุณพ่อสูบบุหรี่

อาการ คัดจมูก มีน้ำมูกใส บางครั้งถ้าเป็นมากจะไอมีเสมหะและน้ำมูกไหลลงคอ ช่วงเวลาที่มักมีอาการคือตอนเช้า และตอนเย็นที่เริ่มมีน้ำค้าง นอกจากนี้ในช่วงฤดูฝนซึ่งมีฝนตกตลอดทั้งปียังส่งผลให้มีอาการมาก และนานขึ้น

การรักษา คุณสุธาสินีเลือกหาแพทย์เฉพาะทางด้านภูมิแพ้เป็นเบื้องต้น เนื่องจากอาการของเธอค่อนข้างหนัก และเป็นมาระยะเวลานานแล้ว เธอจึงรับประทานยาแก้แพ้เมื่อมีอาการดังกล่าว แต่ก็เป็นเพียงการสยบอาการภูมิแพ้ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อร่างกายอ่อนแอ และต้องเจอกับอากาศเย็นชื้น หรือเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ อาการป่วยของเธอก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

การดูแลตัวเอง เธอจึงให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองเป็นหลัก ด้วยการรับประทานอาหารที่เน้นผักกับเนื้อปลา เว้นเนื้อสัตว์จำพวกเนื้อไก่ เนื้อวัว และเนื้อหมู เลือกรับประทานผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง และออกกำลังกายทุกเช้า ผลของการดูแลตัวเองทำให้เธอมีภูมิต้านทานที่ดีขึ้น เป็นหวัด น้อยลง ร่างกายแข็งแรง ไม่เหนื่อยง่าย และน้ำหนักลดลงอีกด้วย

Tip คุณสุธาสินีบอกเคล็ดลับว่า "เมื่อเริ่มมีอาการไม่ดี ให้ดื่มน้ำอุ่น ทำร่างกายให้อบอุ่นทันที และหลีกเลี่ยงพัดลม อย่านอนให้พัดลมเป่า"


แพ้อากาศเฉพาะฤดูกาล 

คุณปรเมศ ชัชวาล วิศวกรวัย 30 ปี ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้อากาศเฉพาะฤดูหนาวมาเมื่อตอนอายุ 20 ปี เริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดตอนอายุ 28 ปี ภายในเวลาเพียง 1 ปีอาการแพ้อากาศดีขึ้นจน หายเป็นปกติ

 อาการ จามตอนเช้า คัดจมูก หายใจไม่ออก หอบเหนื่อย และเป็นหวัดเกือบตลอดฤดู

 การรักษา รักษาด้วยการรับประทานยาแก้แพ้ และแก้หวัด แต่มีอาการเรื้อรังไม่หาย

 การดูแลตัวเอง "ปกติผมเปลี่ยนมากินข้าวกล้องอยู่แล้ว เลือกทานเนื้อสัตว์น้อยลง และดื่มน้ำอาร์ซีอาทิตย์ละครั้ง และพอจะเข้าหน้าหนาวผมดื่มน้ำอาร์ซีทุกวันเลย แล้วนำข้าวจากการต้มน้ำอาร์ซีมาหุงกินทุกมื้อ งดเนื้อวัว เนื้อหมู และเนื้อไก่ กินแต่เนื้อปลากับอาหารทะเล ทานผักผลไม้ หลากหลายเกือบทุกมื้อ ตอนเช้าวิ่งจ็อกกิ้งวันละครึ่งชั่วโมง ตอนเย็นก่อนนอนก็จะฝึกโยคะเพื่อให้ปอด แข็งแรง และเป็นการฝึกการหายใจด้วยครับ ก็แปลกดีที่บังคับตัวเองได้ ทั้งที่แต่ก่อนทำไม่ได้ คงเป็น เพราะทำให้ผมหายได้จริง เชื่อไหมครับว่าหน้าหนาวนี้ผมไม่เป็นอะไร แม้แต่ช่วงต้นฤดูที่อากาศ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ในขณะที่เพื่อนๆ ที่ไม่ได้เป็นโรคภูมิแพ้ป่วยกันเป็นแถว"

 Tip คุณปรเมศบอกเคล็ดลับที่ช่วยให้หายจากการคัดจมูกทั้ง 2 ข้างว่า "เวลาที่หายใจไม่ออกเพราะจมูกตันทั้งสองข้าง ผมจะนอนตะแคงขวายกศีรษะให้สูงขึ้นสักครู่ และ หยดน้ำมันยูคาลิปตัสไว้ที่หมอน หรือตะเกียงน้ำมันหอมระเหยเพื่อให้หายใจโล่งขึ้น ถ้ายังไม่ดีขึ้นก็จะนำเกลือผสมในน้ำอุ่นมาล้างรูจมูกโดยการสูดเข้าไปทีละ ข้างแล้วสั่งออก พยายามอย่าให้สำลัก สัก พักก็จะดีขึ้น"


 แพ้เกสรดอกไม้ 

 คุณดารารัตน์ ธนิกร นักศึกษาวัย 25 ปี แพ้เกสรดอกไม้ตั้งแต่อายุ 6-7 ขวบ เกสรดอกไม้ที่แพ้ ได้แก่ ดอกกระถินณรงค์ ดอกหญ้า ดอกธูปฤาษี ดอกพญาสัตบรรณ์ และกล้วยไม้

 อาการ ถ้าได้กลิ่นจะมีอาการเวียนศีรษะจนอาเจียน จาม และน้ำมูกไหล และมักคันที่ตา(ภูมิแพ้ขึ้นตา) ร่วมด้วย ทำให้ขยี้ตาจนบวมเป่ง และถ้าเกสรดอกไม้เหล่านั้นสัมผัสผิวก็จะมีผื่นแดงขึ้น เหมือนยุงรุมกัด

 การรักษา กินยาแก้แพ้เมื่อมีอาการ และถ้ามีอาการหลายอย่างร่วมด้วยก็จะรักษาตามอาการ เช่น คันตา ก็ใช้ยาหยอดตา ผื่นขึ้น ก็จะทาคาลามาย

 การดูแลตัวเอง พยายามหลีกเลี่ยงให้ไกลจากดอกไม้ที่แพ้ให้มากที่สุด เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะไม่ทำ ให้เกิดอาการแพ้ นอกจากนี้ยังออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันมากขึ้น

 Tip คุณดารารัตน์บอกเคล็ดลับป้องกันอาการแพ้เกสรดอกไม้ว่า "ถ้าไม่แน่ใจว่าแพ้ดอกไม้ชนิดใดบ้าง ก็ควรเลิกใช้ดอกไม้สด และหันมาใช้ดอกไม้ประดิษฐ์แทน เป็นการป้องกันที่ดีที่สุดค่ะ"


 แพ้ฝุ่นและเชื้อราในอากาศ 

 คุณสุนทรีย์ รมณียกุล พนักงานเอกชนวัย 32 ปี ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ฝุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝุ่นจากหนังสือ และเชื้อราจากอากาศในช่วงฤดูฝนมาตั้งแต่จำความได้ เพราะมีร่างกายไม่แข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ป่วยเป็นหวัดเป็นประจำ บางครั้งมีอาการหายใจไม่ออกจนต้องนั่งหลับ และเมื่อโตขึ้นก็มีอาการภูมิแพ้ขึ้นตา

 อาการ คันคอ คันหู และจามก่อนเป็นหวัด แล้วมีอาการคันตา หน้าบวม และตาบวมตามมา ในบริเวณต่อมหัวตา และตาขาวขึ้นเป็นวุ้นมีลักษณะเหมือนหัวปลาทอง

 การรักษา กินยา และฉีดยารักษาภูมิแพ้ แต่อาการไม่ดีขึ้น

 การดูแลตัวเอง "จริงๆ เป็นคนไม่ชอบทานผัก แต่ก็พยายามทาน และทานผลไม้ให้มากขึ้น ที่มีติดบ้าน ประจำคือฝรั่ง แอบเปิ้ล และส้ม และจะไม่ทานผลไม้ที่มีรสหวานมากเกินไปค่ะ พอปรับเรื่องอาหาร แล้วสิ่งที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นคือเป็นหวัดน้อยลง และอาการแพ้ก็เกิดขึ้นนานๆ ครั้ง"

 Tip คุณสุนทรีย์แนะนำเคล็ดลับป้องกัน และแก้แพ้ว่า "ทำความสะอาดบ้าน และโต๊ะทำงานอย่างสม่ำเสมอ เมื่อมีอาการแพ้รีบล้างหน้าล้างตาในน้ำสะอาด และล้างมือให้สะอาด แล้วอาการจะดีขึ้น"


 ภูมิแพ้ของผิวหนัง 

 หมายถึงการแพ้ที่แสดงอาการทางผิวหนัง มีลักษณะเป็นผื่นแดงนูน คัน หรืออาจปวดแสบปวดร้อน และ ขึ้นผื่นแดงเป็นปื้นหรือมีลักษณะเป็นจุดๆ บางครั้งเกิดขึ้นบริเวณบางส่วนของร่างกาย เช่น แขน ขา ข้อพับ และใบหน้า และบางครั้งขึ้นทั่วร่างกาย พบได้หลายชนิดค่ะ และประสบการณ์ภูมิแพ้ของผิวหนัง ที่จะนำมาบอกเล่าคือ แพ้โดยไม่ทราบสาเหตุ เกิดจากความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิรอบๆ ตัว ที่อาจเย็นจัด หรือร้อนจัด หรือเปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลันค่ะ

 คุณศราวุฒิ หมื่นกันยา บรรณารักษ์วัย 24 ปี ป่วยเป็นภูมิแพ้ผิวหนังโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่ออายุ 20

 ต้นๆ ตอนย้ายเข้าไปอยู่ที่หอพักของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นห้องที่มีลักษณะทึบ อับชื้น และอากาศไม่ถ่ายเท จึงสังเกตว่าอาจเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน จนเกิดอาการแพ้ทางผิวหนัง

 อาการ ผื่นแดงทั้งตัว ยกเว้นใบหน้ากับลำคอ และมีอาการคันมากจากภายใน แม้เกาก็ไม่หาย เพราะหาต้นตอไม่ได้

 การรักษา กินยาแก้แพ้แต่ไม่ได้ผล จึงเปลี่ยนสถานที่รักษาก็ไม่ได้ผลอีก ต้องหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่แพ้เท่านั้น

 การดูแลตัวเอง "นอนในห้องนอนที่บ้านไม่ได้เลยครับ ต้องออกมานอนโถงกลางของบ้านที่มีอากาศถ่ายเท แล้วหันมาออกกำลังกาย ช่วงแรกเล่นวอลเลย์และแบทมินตันรู้สึกอาการดีขึ้น เริ่มมีภูมิคุ้มกันมาหายขาดตอนที่ปรับอาหารเป็นข้าวกล้อง เน้นผักผลไม้ เล่นโยคะ และรำกระบองทุกวัน ที่เห็นชัดอีกอย่างคือไม่แพ้อาหารทะเลอีกเลย"

 Tip คุณศราวุฒิบอกเคล็ดลับสำหรับคนแพ้ผิวหนังว่า "ต้องกางร่มเวลาออกแดด เพราะแดดร้อนๆ

 เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการคัน ทาโลชั่นบำรุงผิวเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นช่วยลดการคันได้"


 แพ้ผิวหนังชนิดตัวบวม 

 หรือทางการแพทย์เรียกว่า Angioedema ลักษณะของภูมิแพ้ชนิดนี้จะมีอาการแพ้ทางผิวหนังก่อน แล้วจึงมีอาการตัวบวมตามมา

 คุณพรรณราย จริยะพิสุทธิ์ ป่วยเป็นภูมิแพ้ทางผิวหนังชนิดตัวบวม เมื่อ 3 ปีก่อน เนื่องจากเป็นคนที่มีน้ำหนักตัวมาก จึงลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว คือ 40 กิโลกรัมภายในเวลาเพียง 9 เดือน ทำให้ไม่มีภูมิต้านทาน ประกอบกับความเครียดที่สะสมมาเป็นเวลานาน อาการแพ้จนตัวบวมจึงเกิดขึ้นอย่างไม่เลือกเวลา และสถานที่

 อาการ ก่อนตัวบวมจะมีอาการคันทั่วบริเวณส่วนบนของร่างกาย รวมถึงใบหน้า และศีรษะด้วย จากนั้นเปลือกตาก็จะเริ่มบวม ท้องขยายออกมาประมาณ 5-6 นิ้ว ประมาณ 3-5 วันจึงยุบแล้วก็กลับมาเป็นใหม่อีกครั้ง

 การรักษา รับประทานยารักษามาเป็นเวลา 1 ปี ไม่ดีขึ้นจึงเลิกใช้ยามาเป็นเวลา 1 ปีแล้ว

 การดูแลตัวเอง "ต้องทำใจยอมรับเพื่อไม่ให้เครียดไปมากกว่านี้ เมื่อว่างจากงานจึงเข้าวัดนั่งสมาธิ บ่อยๆ น เป็นการพักผ่อนไปในตัว และเลิกทานเนื้อสัตว์ค่ะ ทำแบบนี้มาปีกว่าแล้วรู้สึกจิตใจสงบขึ้น ตัวบวมน้อยลง และนานครั้งจึงจะมีอาการแพ้"

 Tip เมื่อเกิดอาการแพ้จนท้องบวมคุณพรรณรายจะพยายามไม่ใส่ใจ และเบี่ยงเบนความสนใจโดย  การหากิจกรรมที่ชอบทำ เช่น อ่านหนังสือค่ะ


 แพ้สิ่งแวดล้อม 

 เกิดจากการแพ้สภาพแวดล้อมรอบตัวที่อาจมีสารก่อภูมิแพ้แฝงอยู่ เมื่อเกิดการแพ้จะแสดงอาการทาง ผิวหนัง คือมีผื่นสีแดง หรือเกิดรอยนูนเป็นเส้นเมื่อโดนของแข็งขูดขีดเรียกว่า Dermatographism หรือ ผิวหนังเขียนหนังสือได้

 คุณพรพิมล ชูสกุลพัฒนา พนักบริษัทเอกชนวัย 30 ปี ป่วยเป็นภูมิแพ้สิ่งแวดล้อมตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นโดยไม่ ทราบสาเหตุ โดยเกิดจากการมองเห็น และการสัมผัส แม้ขณะเดินอยู่เฉยๆ ก็สามารถเกิดอาการแพ้ได้ แพทย์วินิจฉัยว่าแพ้สิ่งแวดล้อม

 อาการ ผื่นสีแดงขึ้นตามตัวบ่อยๆ เมื่อโดนของแข็ง เช่น ปากกาขีดข่วนก็จะเป็นเส้นสีแดงบวมนูนขึ้น ตามรอยอยู่นาน ถ้ามองเห็นจุดสีดำเล็กๆ คล้ายเมล็ดงาอยู่ตามเสื้อผ้า หรือกระเป๋าลายหนังจระเข้ ก็จะเกิดอาการแพ้ทันที แม้ขณะปรบมือก็เกิดอาการคันและแดงตามมาด้วย

 การรักษา รับประทานยาแก้แพ้เมื่อมีอาการ

 การดูแลตัวเอง "ลองเปลี่ยนมาทานข้าวกล้อง กับเมล็ดถั่ว เช่น ถั่วเขียว และเล่นกีฬาอย่างแบทมินตัน กับแอโรบิกสลับกันไป แล้วรู้สึกว่าความถี่ในการแพ้ลดลงค่ะ"


 แพ้ถั่ว 

 คุณฐานิดา สมุลไพร โปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์ วัย 33 ปี แพ้ถั่วตระกูลพีนัททุกชนิด ก่อนหน้าที่จะมีอาการแพ้ถั่ว เริ่มป่วยเป็นไซนัสมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ รักษาเรื่อยมากระทั่งหาย พออายุประมาณ 19 ปีก็มีอาการแพ้ถั่วอย่างรุนแรง

 อาการ เมื่อกินถั่วเข้าไปจะมีอาการหายใจไม่ออก ปากพอง ตาบวม รู้สึกถูกบีบที่หัวใจ และคันที่ตา ทำให้ขยี้ตาจนแสบที่เปลือกตา และเมื่อได้กลิ่นถั่ว เช่น ถั่วต้ม ก็จะมีอาการหายใจไม่ออกเช่นกัน แม้จะไม่ร้ายแรงเท่ากับการกิน

 การรักษา ฉีดยาตามแพทย์นัด สัปดาห์ละ 1 เข็มเป็นเวลา 3 ปี แต่ไม่หาย

 การดูแลตัวเอง "พอหันมาออกกำลังกายอย่างจริงจังด้วยการเล่นบาสเก็ตบอล ตอนนั้นเป็นนักกีฬาด้วยก็ทำให้แข็งแรงขึ้น และไม่แตะต้องอาหารที่ทำจากถั่วทุกชนิด"

 Tip คุณฐานิดาบอกเคล็ดลับเมื่อมีอาการแพ้ถั่วว่า "เมื่อเกิดอาการแพ้ พยายามดื่มน้ำมากๆ"


 แพ้สารเคมี อาหารบางชนิด และยา 

 คุณกัญญา คำแสน พนักงานประกันชีวิตวัน 40 ปี ป่วยเป็นภูมิแพ้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เนื่องจากโดนตัวต่อต่อยเกือบทั้งรัง (นับได้ 32 ตัว) ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนาน 1 เดือนเต็ม หลังจากรักษาตัวหาย ก็มีเริ่มป่วยเป็นภูมิแพ้สารเคมีในเสื้อผ้าใหม่ๆ และแพ้อาหารที่มีปูกับปลาร้าเป็นส่วนผสม

 อาการ แพ้สารเคมี ผื่นขึ้นตามตัว โดยเฉพาะเนื้อเยื่ออ่อนๆ เช่น รูหู และมีอาการภูมิแพ้ขึ้นตา ลักษณะเป็นวุ้นสีขาว และน้ำตาไหลไม่หยุด แพ้อาหาร ปากบวม แตก และยื่นออกมามากกว่าปกตินานหลายวัน แพ้ยา หายใจไม่ออก ผิวเนื้อมีลักษณะสุกไหม้ ตาบวม และผื่นขึ้น

 การรักษา กินยารักษาภูมิแพ้ หายเป็นพักๆ และกลับเป็นใหม่จนเรื้อรัง ทั้งมีอาการเบลอๆ งงๆ จากการรับยามากเป็นเวลานาน

 การดูแลตัวเอง "เปลี่ยนมากินข้าวกล้องและขนมปังโฮลวีต ดื่มน้ำแครอท สลับกับน้ำเซอลารี่ ออกกำลังกายด้วยการเดินวันละครึ่งชั่วโมง และทำดีท็อกซ์อาทิตย์ละครั้ง หรือเมื่อเริ่มรู้สึกไม่สบาย เช่น เจ็บคอก็จะทำดีท็อกซ์แล้วก็ดีขึ้นค่ะ ปฏิบัติตัวแบบนี้มาปีหนึ่ง เห็นผลเลยว่าร่างกายมีภูมิต้านทานขึ้น ไม่แพ้อะไรง่ายๆ เรียกว่าหายเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว"

 Tip คุณกัญญาบอกเคล็ดลับป้องกันการสารเคมี อาหาร และยาว่า "หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้คือเสื้อผ้าใหม่ ไม่กินอาหารที่มีส่วนผสมของปูและปลาร้า ทดลองกินยา 1 ชั่วโมงก่อนรับยากลับบ้านทุกครั้ง เมื่อจำเป็นต้องรักษาด้วยการกินยา"


 โรคภูมิแพ้ตา 

 เป็น คนที่เป็นโรคภูมิแพ้แพ้อยู่หลายอย่าง รวมทั้งเป็นภูมิแพ้ตาด้วย เลยเป็นหมูอ๋าหน้าลิงตาแพนด้าทั้งปีทั้งชาติ  หาอ่านข้อมูลของโรคนี้ และเห็นว่าเป็นความรู้จึงเอามาลงให้ได้อ่านกัน

 โรคภูมิแพ้ของตานั้น เป็นอาการของภูมิแพ้อย่างหนึ่ง สามารถเกิดได้แทบทุกส่วนของดวงตา ตั้งแต่ เปลือกตา หนังตา ไปจนถึงเยื่อบุตาขาว และกระจกตาครับ ท่อน้ำตาและต่อมน้ำตาก็สามารถมี อาการแพ้เกิดขึ้นได้เช่นกัน แต่โดยมากแล้ว อาการที่เป็นกันมาก มักจะเกิดกับเยื่อบุตาขาวเป็นส่วน ใหญ่โดยมากแล้ว ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ตา มักจะเป็นผู้ที่มีอาการของโรคภูมิแพ้อื่นๆ อยู่แล้ว เช่น แพ้อากาศ แพ้อาหาร เป็นต้น โดยอาการมักจะแสดงออกในระบบอื่นด้วย เช่น มีอาการของลมพิษ หรือผื่นคันตามผิวหนัง คัดจมูก มีน้ำมูกใส แต่ก็มีไม่น้อย ที่ผู้ป่วยมีอาการปรากฏที่ตาเพียงอย่างเดียว ส่วนมากแล้วภูมิแพ้ที่เกิดกับดวงตา มักมองกันหลายอย่างรวมกัน ดังต่อไปนี้ครับ

            -คันตามาก อาจมีอาการหนังตา หรือเปลือกตาบวมร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้ (โดยมากแล้ว อาการเปลือกตาบวม มักเป็นจากการแพ้ในระบบอื่นที่ส่งผลถึงดวงตามากกว่าเป็น อาการแพ้ของตาเอง เช่น แพ้ยา)

            -มักมีขี้ตาเยอะมาก โดยเฉพาะในเวลาตื่นนอนตอนเช้า ผู้ป่วยหลายรายจะบอกว่า มีขี้ตาเยอะมาก ขนาดลืมตาไม่ขึ้นทีเดียว ขี้ตาจากภูมิแพ้ตานั้น จะมีลักษณะเป็นสีขาวขุ่น หรือเหลืองอ่อนๆ หากมีอาการติดเชื้อของดวงตาร่วมด้วย ขี้ตาจะเป็นสีเขียว

            -เยื่อบุตาขาวอาจมีสีแดงเรื่อๆ ได้ จนถึงแดงก่ำ บางรายที่เป็นมาก อาจมีอาการปวดตาร่วมด้วยได้ครับ

            -ในรายที่อาการแพ้เป็นอย่างรุนแรง อาจทำให้การมองเห็นของคนไข้แย่งลง มีตามัวกระจกตาเกิดเป็นแผล และอาจถึงตาบอดได้ หากปล่อยทิ้งเอาไว้ไม่ได้รับการรักษา          

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า อาการของภูมิแพ้ตา มีได้ตั้งแต่เล็กน้อย ไปจนถึงขั้นรุนแรงครับ ส่วนสาเหตุของภูมิแพ้ตานั้น เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุเหมือนกับโรคภูมิแพ้อื่นๆ เช่น เกิด จากการแพ้ยาปฏิชีวนะ แพ้ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ เป็นต้น

             สำหรับคำถามของคุณผู้อ่านนั้น ผมขอตอบดังนี้

            1. ภูมิแพ้ตา สามารถรักษาให้หายได้ครับ โดยเฉพาะหากทราบว่าแพ้อะไร เราก็หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารนั้น ก็จะทำให้อาการแพ้หายไป การกินยา หรือหยอดยาแก้แพ้จะช่วยบรรเทาอาการขณะที่แพ้เท่านั้น แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ครับ และโรงพยาบาลขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์นั้น จะมีแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ ที่สามารถให้คำแนะนำและรักษาได้เป็นอย่างดี

            2. การรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง โดยเฉพาะการออกกำลังกายและเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ มีวิตามินสูง จะทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงขึ้น และหลายรายสามารถทำให้อาการภูมิแพ้หายไปได้ครับ แต่อย่างไรก็ตามผลที่เกิดขึ้น จะไม่เห็นอย่างรวดเร็วนักนะครับเราต้องให้เวลา และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จึงจะเห็นผลในระยะยาว

           3. การทำเลซิค (LASIK) คือการผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ โดยมีการผ่าตัดแก้ไขที่กระจกตา ผู้ป่วยที่สามารถทำ LASIK ได้นั้น จะต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป สายตาสั้นหรือยาวมีการคงที่มาไม่ต่ำกว่าหนึ่งปี ไม่มีโรคติดเชื้อของตาหรือกระจกตา ไม่เป็นต้อหิน หรือต้อกระจก ไม่มีอาการตาแห้ง สำหรับโรคภูมิแพ้ตานั้น ไม่มีข้อห้ามที่ชัดเจน แต่หากมีอาการแพ้มากและกระจกตามีปัญหา ก็ไม่ควรทำครับ อย่างไรก็ตาม หากไม่แน่ใจ คุณผู้อ่านควรจะไปตรวจโดยละเอียดก่อนจะทำLASIK ครับ

            4. การตรวจภูมิแพ้ตานั้น นอกจากตรวจร่างกายและตรวจตาอย่างละเอียดแล้ว การตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆ ส่วนมากจะตรวจเหมือนกับผู้ป่วยภูมิแพ้ทั่วไป ได้แก่ ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ อาจมีการตรวจพิเศษเรื่องของภูมิแพ้ แล้วแต่ผู้ป่วยแต่ละรายไปสุขภาพของเราเป็นสิ่งสำคัญ การออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานอาหารครบถ้วนทุกหมู่ ดื่มน้ำสะอาด ดื่มนม กับนอนหลับพักผ่อน และทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใสอยู่เสมอ เป็นเคล็ดลับที่ทำให้ท่านมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ครับ



ข้อคิด คำคมของพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี(ว. วชิรเมธี)

วันนี้นำข้อคิด คำคมของพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี(ว. วชิรเมธี) พระภิกษุชาวไทย มีชื่อเสียงว่าเป็นพระนักวิชาการ นักคิดนักเขียน และนักบรรยายธรรม เพื่อเป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิต


อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน

ความสุข ขั้นที่สอง หาได้จาก ปัญญาสุข สุขจากการแสวงหา

ถ้าคุณเป็นคนดีแล้ว นั่นแหละคุณบรรลุวัตถุประสงค์ของการมีวัด วัดอยู่ในใจคุณแล้ว

ความจริงบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องไปพิสูจน์ให้เห็นด้วยตา เพราะมันเป็นสิ่งที่ต้องใช้ปัญญา ในการมอง

ถ้าเราข้ามรูปลักษณ์ภายนอก เจาะไปที่สาระก็ไม่มีปัญหาที่วู้ดดี้จะคุยกับพระไม่ได้

มีชื่อเสียงก็เหมือนอยู่ที่แจ้ง แดดส่องก็ได้ฝนสาดก็ได้ อย่าไปละลายแล้วกัน อยู่ในจุดที่เราเป็นให้ดีที่สุด

น่าเสียดาย ที่เรามีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ แต่เรากลับศรัทธาไสยศาสตร์หัวปักหัวปำ

น่าเสียดายที่เรามีพระมหากษัตริย์ที่แสนดี แต่เรากลับมีคนโกงกินเต็มบ้านเต็มเมือง

น่าเสียดายที่เรามีวัดอยู่เกือบทุกหมู่บ้าน/ตำบล แต่เรากลับมากด้วยคนขาดจริยธรรมอยู่ทั่วไป

น่าเสียดาย ที่เราสถาปนาประชาธิปไตยตั้งแต่ พ.ศ. 2475 แต่เรากลับมีปฏิวัติ/รัฐประหารมาแล้ว14 ครั้ง

น่าเสียดายที่เรามีมหาวิทยาลัยมากมายติดอันดับโลก แต่เรากลับโชคร้ายที่คนไทยชอบดูดวงบวงสรวงเทพยดา

น่าเสียดายที่เรามีป่าไม้-แม่น้ำ-ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ แต่เรากลับเทิดทูนการทำลายแทนการรักษา

น่าเสียดาย ที่เรามีศิลปวัฒนธรรมเป็นของตนเอง แต่เรากลับเก่ง "การลอกเลียนแบบ" เป็นที่สุด

น่าเสียดายที่เรามีสื่อมวลชนมากมายไร้พรมแดน แต่เจ็บปวดเหลือแสนเมื่อสื่อมวลชนมุ่งแต่การขายสินค้า

น่าเสียดาย ที่เรามีกฎหมาย แต่เรากลับปล่อยให้มีการใช้กฎหมู่จนเป็นเรื่องธรรมดา

น่าเสียดาย ที่เรามีหนังสือมากมายหลายพันเล่มในห้องสมุด แต่สถิติสูงสุดคือเราอ่านหนังสือกันปีละ8 บรรทัด

น่าเสียดายที่เรามีอินเทอร์เน็ตใช้ก่อนประเทศในโลกที่สาม แต่เรากลับเสื่อมทรามเพราะใช้ส่งภาพถ่ายคลิปโป๊

น่าเสียดายที่เรามีโทรทัศน์หลายสิบช่อง แต่เรากลับจ้องจะดูแต่ละครน้ำเน่า

น่าเสียดาย ที่เรามีพ่อแม่อยู่ในบ้าน แต่เรากลับปล่อยให้ท่านอยู่อย่างเปลี่ยวเหงา

มีเงินนับแสนล้าน แต่ใช้จริงวันละไม่ถึง ๑๐๐ บาท มีไปทำไม ?

มีบ้านใหญ่โตเหมือนกับวัง แต่อยู่กันแค่ ๔ คนพ่อแม่ลูก มีไปทำไม ?

มีรถนับสิบคัน แต่ใช้งานจริงแค่คันเดียว มีไปทำไม ?

มีเตียงใหญ่โตมโหฬาร แต่นอนเพียงแค่เต็มแผ่นหลัง มีไปทำไม ?

มีนาฬิกาแสนแพง แต่ไม่เคยทำอะไรตรงเวลา มีไปทำไม ?

มีเวลาอยู่ในโลกไม่ถึงร้อยปี แต่กลับแบ่งเวลาไปริษยาคนอื่น ทำไปทำไม ?

มีกฎหมายนับพันมาตรา แต่มีอาชญากรอยู่เต็มเมือง มีไปทำไม ?

มี ส.ส. อยู่เต็มสภา แต่มาประชุมไม่เคยครบเลย มีไปทำไม ?

มีพ่อแม่อยู่ที่บ้าน แต่ไม่เคยปรนนิบัติท่านเลย มีไปทำไม ?

มีอำนาจอยู่เต็มมือ แต่ไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรเลย มีไปทำไม ?

มีภรรยาแสนดี แต่ไม่เคยแบ่งเวลาให้เธอเลย มีไปทำไม ?

มีลูกแสนน่ารัก แต่ไม่เคยโอบกอดลูกเลย มีไปทำไม ?

มีพระไตรปิฎกอยู่เต็มตู้ แต่ไม่เคยเปิดออกมาศึกษาเลย มีไปทำไม ?

มีวัดอยู่แทบทุกหมู่บ้าน แต่ศีลธรรมของสังคมแย่ลงทุกวัน มีไปทำไม ?

มีรองเท้าเป็นพันคู่ แต่ใส่จริงแค่วันละคู่ มีไปทำไม ?

มีพี่น้องนับสิบคน แต่แตกสามัคคีกันทุกคน มีไปทำไม ?

มีมือมีเท้าสมบูรณ์ แต่ไม่เคยลงแรงทำอะไรเลย มีไปทำไม ?

มีหูอยู่สองข้าง แต่ไม่เคยฟังธรรมเลย มีไปทำไม ?

มีตาอยู่สองข้าง แต่ไม่เคยมองหาสิ่งที่ดีเลย มีไปทำไม ?

มีเท้าอยู่สองข้าง แต่ไม่เคยเดินเข้าหาโอกาสเลย มีไปทำไม ?

มีปัญญาอยู่กับตัว แต่กลับใช้อารมณ์เป็นใหญ่ มีไปทำไม ?

ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี

คนธรรมดาทำบุญก็อยากได้บุญ คนมีปัญญาทำบุญหวังจะเกิดในภพใหม่ที่ดีกว่าเดิม แต่ชาวพุทธแท้ทำบุญเพื่อการปล่อยวางกิเลสอย่างสิ้นเชิง

ยามปกติเลี้ยงลูก ด้วยเมตตา ยามมีปัญหาคอยช่วยเหลือด้วยกรุณา ยามลูกทำดีคอยส่งเสริมด้วยมุทิตา ยามลูกทำผิดปล่อยให้รับกรรมด้วยตัวเอง คือ อุเบกขา

คนขุดบ่อน้ำก็ลง ต่ำอยู่ในดิน คนก่อกำแพงก็ขึ้นสูงตามกำแพงที่ก่อ ฉันนี้ฉันใดคนทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้น จะสูงจะต่ำขึ้นอยู่กับการกระทำของตน

คนฉลาดชอบแกล้งโง่ คนโง่ชอบเสแสร้งว่าฉลาด ส่วนนักปราชญ์เรียนรู้ที่จะฉลาดและเรียนรู้ที่จะโง่

บิล เกตต์ เรียนไม่จบแต่พบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เพราะเป็นคนใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเอง ปัญญาไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยแต่อยู่ในจิตใจที่ใฝ่รู้

คนส่วนใหญ่เรียกร้องสิทธิมนุษยชน แต่คนมีปัญญาเรียกร้องสิทธิที่จะไม่ทุกข์

ความไม่รู้ เป็นยอดแห่งมลทิน ปัญญาเป็นยอดแห่งสิริมงคลความถ่อมตนเป็นยอดแห่งเสน่ห์

รถทุกคันล้วนมีเบรก รถทุกคันล้วนมีท่อไอเสีย คนทุกคนต้องมีเบรกคือสติ ต้องมีท่อไอเสียคือการปล่อยวาง

ความทุกข์ไม่เคยยึดติดเรา มีแต่เราต่างหากที่ยึดติดความทุกข์ ความสุขไม่เคยไปจากใจเรา มีแต่เราต่างหากที่ไม่เคยถนอมมันไว้ในใจของเรา

ยศ ทรัพย์ อำนาจเป็นเพียงมรรควิธีที่ทำให้ชีวิตนี้มีประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ โปรดอย่าเข้าใจผิดว่าเป็นเป้าหมายในการเกิดเป็นมนุษย์

ทำผิดแล้วรู้สึกผิดต่อไปจะเป็นคนดี ทำผิดแล้วรู้สึกว่าเป็นความดีกาลกิณีจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

ที่สุดของความรักคือรักโดยไม่ครอบครอง ที่สุดของการให้คือให้โดยไม่หวังผล ที่สุดของทานคืออภัยทาน ที่สุดของคนคือการเป็นคนธรรมดาที่มีความสุข

ความรักไม่เคยทำให้ใครทุกข์ การไม่รู้จักธรรมชาติของความรักต่างหากที่ทำให้เกิดทุกข์ ธรรมชาติของความรักคือเกิดขึ้นในเบื้องต้น ดำรงอยู่ในท่ามกลาง และแตกดับไปในที่สุด

นี้มีผี 6 ตัวที่น่ากลัวกว่าผีไหนๆ 1 ผีสุรา 2ผีเที่ยวกลางคืน 3. ผีมหรสพ (ติดใจในความบันเทิงจนเกินพอดี) 4 ผีการพนัน 5 ผีคบคนชั่วเป็นมิตร (คนชั่วอยู่ไหนชอบเถลไถลไปสนิทสนม) 6 ผีขี้เกียจ ผี 6 ตัวนี้ต้องปราบด้วยปฏิบัติธรรม

แก้วที่คว่ำอยู่กลางสายฝน ต่อให้ฝนตกกระหน่ำทั้งคืน ก็ไม่อาจเต็มไปด้วยน้ำ คนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้ ต่อให้คลุกคลีอยู่กับนักปราชญ์ทั้งคืนทั้งวัน ก็ยังโง่เท่าเดิม

นัยอันลึกล้ำของคำว่าขอบคุณขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้จักครูที่ชื่อประสบการณ์ขอบคุณความผิดหวัง ที่ทำให้ตั้งสติเพื่อลุกขึ้นใหม่ขอบคุณศัตรูที่แกร่งกล้า ที่ทำให้รู้ว่าเรายังไม่ใช่มืออาชีพ

อยู่ให้คนเขารัก จากไปให้คนเขาอาลัย ล่วงลับไปให้คนเอ่ยอ้างถึงอยู่ให้คนรัก คืออยู่อย่างผู้ให้จากไปให้คนอาลัย คือก่อนจาก สร้างสรรค์แต่สิ่งมีคุณค่าล่วงลับไปให้คนระลึกถึง คือเวลามีชีวิต ทำแต่คุณงามความดีจนเป็นที่จดจำ.

สิทธิของคุณ : คุณมีสิทธิ์ ที่จะไม่โง่

สิทธิของคุณ : คุณมีสิทธิ์ ที่จะไม่ทุกข์

สิทธิของคุณ : คุณมีสิทธิ์ ที่จะไม่ท้อ

ลดการเที่ยวเตร่ให้ น้อยลง เพิ่มการอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น

ลดความงมงายให้น้อยลง เพิ่มความมีเหตุผลให้มากขึ้น

โปรด...อย่าลืม ! : อย่าลืม ว่าเวลาไม่อาจรีไซเคิล

โปรด...อย่าลืม ! : อย่าลืม ว่าพ่อแม่ไม่ได้อยู่กับเราไปตลอด


ที่มา จาก http://www.facebook.com/v.vajiramedhi

คำคม ข้อคิด คติพจน์จากคนดังทั่วโลก (ไทย-อังกฤษ)


วันนี้นำคำคม ข้อคิด คติพจน์ จากคนดังทั่วโลกมาฝากเพื่อนๆนะครับ เป็นกำลังใจ เสริมพลัง ทำงาน ให้มีแรงสู้ต่อไปในวันพรุ่งนี้ ชีวิตนี้สั้นนัก อย่ายึดติดกับกฎเกณฑ์ อภัยให้ไว รักอย่างแท้จริง หัวเราะให้เต็มที่ และยิ้มอยู่เสมอ ^_^


"You get the best out of others when you give the best of yourself."
- - Harvey Firestone - -
"คุณจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดของคนอื่น เมื่อคุณได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดของคุณไป"


"The secret of success in life is to be ready for your opportunity when it comes."
- - Benjamin Disraeli - -
ความลับของความสำเร็จคือเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอสำหรับโอกาสที่มาถึง


"If you always do what interests you, then at least one person is pleased."
- - Katherine Hepburn - -
ถ้าคุณลงมือทำในสิ่งที่คุณสนใจอยู่ เสมอ อย่างน้อยจะมีคนคนหนึ่งที่พอใจ


"Only two things are infinite, the universe and human stupidity,
and I'm not sure about the former."
- - Albert Einstein - -
มีเพียงสอง สิ่งเท่านั้นที่หาที่สิ้นสุดไม่ได้ สิ่งหนึ่งคือจักรวาล และอีกสิ่งคือความโง่เขลาของมนุษย์ ทว่าฉันไม่แน่ใจว่าจักรวาลจะเป็นเช่นนั้น


"Life remains the same until the pain of remaining the same
becomes greater than the pain of change."
- - Anonymous - -
ชีวิตจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนกระทั่งความเจ็บปวดจากความนิ่งเฉย จะมากกว่าความเจ็บปวดจากการเปลี่ยนแปลง


"He who loses money, loses much; He who loses a friend, loses more; He who loses faith, loses all."
- - Anonymous - -
เขา..ผู้ สูญสิ้นทรัพย์สินไป
เขา..สูญเสียมากเหลือเกิน
เขา..ผู้สูญสิ้น เพื่อนไป
เขา..สูญเสียมากกว่า
เขา..ผู้สูญสิ้นความศรัทธา
เขา..ผู้ นั้น.. สูญเสียยิ่งกว่าใครๆ


"The determined man finds the way, the other finds an excuse or alibi."
- - Anonymous - -
ผู้ที่แน่วแน่และมุ่งมั่นจะหาหนทางแก้ปัญหา ในขณะที่คนอื่นจะหาหนทางแก้ตัว


"The only thing in life achieved without effort is failure."
- - Anonymous - -
มี เพียงสิ่งเดียวในชีวิตที่จะสามารถพิชิตได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายคือ ความล้มเหลว


"Some dream of worthy accomplishments, while others stay awake and do them."
- - Anonymous - -
บาง คนฝันที่จะประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู ในขณะที่บางคนกำลังลงมือกระทำ


"No bird soars too high if he soars with his own wings."
- - William Blake - -
ไม่มีนกตัวใดบินสูงเกินไปถ้ามันบินด้วยปีก ของมันเอง


"Obstacles are those frightful things you see
when you take your eyes off your goals."
- - Anonymous - -
อุปสรรค คือสิ่งที่น่าตกใจก็ต่อเมื่อคุณไม่ได้มองไปที่จุดหมายปลายทาง


"Advice is like snow; The softer it falls the longer it dwells upon,
and the deeper it sinks into, the mind."
- - Samuel Taylor Coleridge - -
คำแนะนำเหมือนหิมะที่โปรยปรายลงมา ยิ่งบางเบาเพียงใดก็ยิ่งแตะเพียงเปลือกนอก และยิ่งหนักหนาเท่าใดก็ยิ่งลึกถึงความรู้สึกเท่านั้น


"There is nothing either good or bad but thinking makes it so."
- - W.Shakespeare - -
ไม่มีสิ่งใดๆในโลกที่ดีหรือเลว มีแต่ความคิดของเราเท่านั้นที่ทำให้เกิดความดีและความเลว


"Great minds discuss ideas; Average minds discuss events;
Small minds discuss people."
- - Anonymous - -
จิตใจที่ยิ่ง ใหญ่วิพากย์วิจารณ์ความคิด จิตใจสามัญวิพากวิจารณ์เหตุการณ์ แต่จิตใจที่ต่ำต้อยนั้นวิจารณ์เพียงผู้คน


"Life is a big canvas and you should throw all the paint you can on it."
- - D.Kaye - -
ชีวิตเหมือนภาพเขียนขนาดใหญ่และคุณควรจะใช้สีทั้ง หมดที่คุณมีสร้างสรรค์มันขึ้นมา


"Forgive your enemies, but never forget their names."
- - J.F.Kennedy - -
จงยกโทษให้แก่ศัตรูของคุณ แต่อย่าลืมชื่อของพวกเขาเป็นอันขาด


"The only man who never makes mistakes is the man who never does anything."
- - T.Roosevelt - -
คนที่ไม่เคยทำผิดคือคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย


"If you want to increase your success rate,double your failure Rate."
- - T.Watson Jr (Founder of IBM) - -
ถ้าคุณต้องการประสบความ สำเร็จมากขึ้นหนึ่งเท่าตัว จงเพิ่มความล้มเหลวเป็นสองเท่าตัว


"Even a Step back can be fatal."
- - W.Brudzinski - -
แม้แต่การก้าวถอยหลังก็อาจถึงแก่ชีวิตได้


"Imagination is more important than knowledge."
- - Albert Einstein - -
จินตนาการ สำคัญกว่าความรู้ที่มี


"The reward of a good thing well done is to have it done."
- - Ralph Waldo Emerson - -
รางวัล ของสิ่งที่เรียกว่ายอดเยี่ยมคือการได้สร้างมันขึ้นมา


"You see things and you say, 'Why?'!But I dream things that never were; and I say, 'Why not?"
- - George Bernard Shaw - -
คุณเห็นบางสิ่งบางอย่าง คุณจะพูดว่า"ทำไม" ในขณะที่ฉันได้เห็นความฝันของฉันซึ่งไม่เคยเป็นไปได้ ฉันพูดว่า "ทำไมถึงไม่มีสิ่งนั้นล่ะ"


"Do what you can, with what you have, where you are."
- - Theodore Roosevelt - -
ทำในสิ่งที่คุณสามารถจะทำได้ พร้อมกับสิ่งที่คุณมีและที่ที่คุณอยู่


"Freedom is nothing else but a chance to do better."
- - Albert Camus - -
อิสรภาพ ไม่ใช่อะไรอย่างอื่นเลย หากแต่คือโอกาสที่จะทำสิ่งต่างๆให้ดีขึ้น


"The future belongs to those who believe in the beauty of their dreams."
- - Eleanor Roosevelt - -
อนาคตเป็นของคนที่เชื่อในความฝันของ ตัวเองเท่านั้น


"God gives every bird it's food, But He does not throw it into it's nest".
- - Anonymous - -
พระเจ้ามอบอาหารให้แก่นกทุกตัว แต่ไม่เคยโยนอาหารให้ถึงรังของนกเหล่านั้น


"When life is giving you a hard time, try to endure and live through it.
You must never run away from a problem.
Convince yourself that you will survive and get to the other side."
- - Margaret Ramsey * British literary agent - -
เมื่อคุณเห็นการมีชีวิตเป็นสิ่ง ที่หนักหนาสาหัส ลองพยายามอดกลั้นและต่อสู้กับมัน จงอย่าวิ่งหนีต่อปัญหาใดๆที่คุณเผชิญอยู่ และเชื่อใจในตัวเองว่าสองมือของคุณสามารถทำให้คุณฝ่าฟันช่วงวิกฤตและผ่านมัน ไปได้


"There is Nothing so Sweet as Love's Young Dreams!"
- - Anonymous - -
ไม่มีสิ่งใดจะหอมหวาน เท่ากับความฝันในวัยเยาว์


"First say to yourself what you would be, and then do what you have to do."
- - Epictetus (55-135 C.E.) - -
สิ่งแรกที่ต้องทำคือตั้งใจกับตัวเอง และลงมือทำ


"A person who lives right, and is right, has more power in their silence
than another has by words."
- - Phillips Brook - -
บุคคลที่มีชีวิตอยู่อย่างถูกต้องและเหมาะสมแม้อยู่ใน ความเงียบก็แลมีอำนาจกว่าผู้อื่น


"Life is like a box of choclates."
- - F.Gump - -
ชีวิตก็เหมือนกล่องใส่ชอกโกแลตที่มีหลากหลายสีสันและรสชาติ


"Glory in life is not in never failing, But rising each time we fail."
- - Anonymous - -
ความสำเร็จในชีวิตไม่ใช่การที่ไม่เคยพ่ายแพ้ หากแต่เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ล้มลง


"It is never too late to be what you might have been."
- - George Eliot - -
ไม่เคยมีคำว่าสายเกินไปที่จะเป็นในสิ่งที่คุณอยากจะเป็น


"Do not be too timid and squeamish about your actions. All life is an experiment."
- - Ralph waldo Emerson - -
อย่าขาดความมั่นใจในตัวเอง และตระหนกตกใจในสิ่งที่คุณทำ ทุกๆสิ่งคือประสบการณ์


"Learn from the mistakes of others.
You can't live long enough to make them all yourself."
- - Anonymous - -
จงเรียนรู้จากความผิดพลาดของผู้อื่นเพราะเราไม่สามารถเรียนรู้ความผิดพลาดนั้นได้ ทั้งหมดในช่วงชีวิตของเราเอง


"This year's success was last year's impossibility."
- - Anonymous - -
ความ สำเร็จของปีนี้ คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในปีที่ผ่านมา


"Who never made a mistake never made a discovery."
- - Soren Kierkegaard - -
คนที่ไม่เคยกระทำผิดคือคนที่ไม่ได้ค้นหาสิ่ง ใด


"Praise the bridge that carried you over."
- - George Colman - -
จงขอบคุณสะพานที่ให้คุณเดินข้ามมา


"To follow, without halt, one aim: There is the secret of success."
- - Anna Pavlova - -
เคล็ดลับของความสำเร็จคือการเดินทางอย่าง ต่อเนื่องไปสู่จุดมุ่งหมาย


"Our deeds determine us, as much as we determine our deeds."
- - George Eliot - -
การกระทำตัดสินเราเท่าๆกับที่เราตัดสินใจกระทำ


"The difference between the impossible and the possible
lies in a man's determination."
- - Tommy Lasorda - -
เส้นบางๆ ที่คั่นระหว่างความเป็นไปได้และความเป็นไปไม่ได้คือการตัดสินใจของเรา


"If you don't stand for something, you'll fall for anything."
- - Anonymous - -
ถ้าคุณไม่อดทนต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง คุณก็จะล้มหลวในทุกๆสิ่ง


"It is not fair to ask others what you are not willing to do yourself."
- - Eleanor Roosevelt - -
ไม่ยุติธรรมเลยที่คุณจะขอร้องให้คนอื่นทำในสิ่ง ที่คุณไม่ต้องการทำ


"A wise man will make more opportunities than he finds."
- - Francis Bacon - -
คนที่ฉลาดคือคนที่สร้างโอกาสมากกว่าที่เขาหาได้


"We write our own destiny. We become what we do."
- - Madame Chiang Kai-Shek - -
ตัวเราเองที่กำหนดพรหมลิขิตและเราจะเป็น ในสิ่งที่เราได้กระทำ


"Well done is better than well said."
- - Ben Franklin - -
การลงมือทำดีกว่าคำ พูดที่สวยหรู


"Life moves pretty fast...if you don't stop to look around once in a while, you might miss it."
- - Ferris Bueller, "Ferris Bueller's Day Off" - -
ชีวิตผ่านไป อย่างรวดเร็ว ถ้าคุณไม่หยุดและมองไปรอบๆบ้าง คุณอาจจะพลาดบางอย่างไป


Nobody has Wisdom if he does not know the Dark.
- - H.Hesse - -
ไม่มีใครฉลาดโดยปราศจากการได้รู้จักความโง่เขลามาก่อน


"Great minds must be ready not only to take opportunity, but to make them."
- - Colton - -
ความคิดที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่แต่เตรียมพร้อมต่อ โอกาส แต่ยังพร้อมที่จะลงมือทำ


"Do or do not; there is no try."
- - Yoda - -
การตัดสินใจที่จะทำหรือไม่ทำ ไม่ต้องใช้พยายามแต่อย่างใด


"He who knows little often repeats it."
- - Thomas Fuller - -
ใครที่รู้ อะไรเพียงนิดหน่อยก็มักจะคุยโวถึงมัน


"Wealth is like Sea Water:The more you drink the more thirsty you get."
- - A.Schopenhauer - -
ความร่ำรวยเปรียบเหมือนน้ำทะเล ยิ่งดื่มมาเท่าไหร่ก็ยิ่งกระหายมากขึ้นเท่านั้น


"Progress always involves risk. You can't steal second with your foot on first."
- - Fredrick Wilcox - -
พัฒนาการจะมีเรื่องของความเสี่ยงมา เกี่ยวข้องด้วยเสมอ คุณจะไม่สามารถขโมยเบสสอง ได้เลย ถ้าเท้ายังแตะเบส 1 อยู่


"You don’t get harmony when everybody sings the same note."
- - Doug Floyd - -
คุณจะไม่สามารถหา ความกลมกลืนได้ เมื่อทุกคนร้องเพลงด้วยโน้ตตัวเดียวกัน


"Thinking: The talking of the soul with itself."
- - Plato - -
การคิด คือ การพูดของวิญญาณกับตัวมันเอง


"Nature is as complex as it need to be.... and no more."
- - Albert Einstein - -
ธรรมชาติซับซ้อนเท่าที่มันจำเป็น...ไม่มากกว่า นั้น


Heaven never helps the men who will not act.
- - Henry Bergson - -
สวรรค์ไม่ช่วยคนเกียจคร้าน


Move out man! Life is fleeting by.
Do something worthwhile, before you die.
Leave behind a work sublime,
that will outlive you and time.
- - Alfred A. Montepert - -
อันชีวิตคนเรา ช่างสั้นนัก
ต้องรู้จักทำประโยชน์ก่อนจะสาย
ทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์หลัง ความตาย
มีความหมายคงอยู่ ตลอดไป


Seize the day. Make your lives extraordinary.
- - From The Dead Poets Society - -
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วชีวิตคุณจะไม่ธรรมดา


Only those who dare to fail greatly can ever achieve greatly.
- - Robert F. Kennedy - -
คนที่กล้าจะจะพ่ายแพ้เท่านั้น ที่จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่


It is only in adventure that some people succeed in knowing themselves--in finding themselves.
- - Andr Gide - -
มีแต่ในการผจญภัย เท่านั้น ที่บางคนประสบความสำเร็จในการรู้จักตัวเอง นั้นคือ การค้นพบตัวเอง


If we do not find anything very pleasant, at least we shall find something new.
- - Voltaire - -
ถึง แม้ว่าเราจะไม่พบสิ่งที่พอใจ อย่างน้อย เราก็จะได้เจอสิ่งใหม่ๆ


You can fool all the people some of the time, and some of the people all the time,
but you cannot fool all the people all the time.
- - Abraham Lincoln - -
คุณหลอกคนทุกคนได้ในบางเวลา และหลอกบางคนได้ตลอดเวลา แต่ คุณไม่สามารถหลอกทุกคนได้ตลอดเวลา


Beware of small expenses; a small leak will sink a great ship.
- - Benjamin Franklin - -
จงระวังสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น รอยรั่วเล็กๆ อาจจะทำให้เรือใหญ่ล่ม


You know you're old when the candles cost more than the cake.
- - Bob Hope - -
คุณจะรู้ว่าคุณแก่ตัวก็ต่อเมื่อเทียนที่ต้องจุดในงานวันเกิดแพงกว่า เค้กวันเกิด


Age does not protect you from love. But love, to some extent, protects you from age.
- - Jeanne Moreau - -
อายุป้องกันคุณจากความรักไม่ได้ แต่ความรัก ในจำนวนที่พอเหมาะ ปกป้องคุณจากอายุได้


When you go in search of honey you must expect to be stung by bees.
- - Kenneth Kaunda - -
เมื่อคุณต้องการน้ำผึ้ง คุณต้องรู้ว่า คุณจะถูกผึ้งต่อย


If men cease to believe that they will one day become gods then they will surely become worms.
- - Henry Miller - -
เมื่อมนุษย์เลิกเชื่อว่าวันหนึ่งเค้าจะกลาย เป็นพระเจ้า เมื่อนั้น เค้าจะเป็นแค่หนอนตัวหนึ่งเท่านั้น


The ripest peach is highest on the tree.
- - James Whitcomb Riley - -
ลูกพีชที่สมบูรณ์ที่สุดอยู่สูงที่สุดบนต้น


And he that strives to touch the stars,
Oft stumbles at a straw.
- - Edmund Spenser - -
คนที่พยายามจะสัมผัสดวงดาว มักจะพลาดกับสิ่งเล็กน้อย


It takes two flints to make a fire.
- - Louisa May Alcott - -
ต้องใช้หิน ถึง2ก้อนถึงจะเกิดไฟได้


We boil at different degrees.
- - Ralph Waldo Emerson - -
คนเรามีจุดเดือดไม่เท่ากัน


Let not the sun go down upon your wrath.
- - Ephesians 4:26 - -
อย่าให้พระอาทิตย์ตกลงไปพร้อมกับความโกรธของคุณ


Remember to always dream. More importantly to make those dreams come true and never give up.
- - Dr. Robert D. Ballard - -
จงฝันอยู่เสมอ ที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือ ทำความฝันนั้นให้เป็นความจริง และอย่ายอมแพ้


Keep your eyes on the stars, and your feet on the ground.
- - Theodore Roosevett - -
สายตาจับจ้องที่ดวงดาว และเท้ายังคงติดดิน


There is a magnet in your heart that will attract true friends. That magnet is unselfishness,
thinking of others first. When you learn to live for others, they will live for you.
- - Paramahansa Yogananda - -
มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจของคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้ แม่เหล็กชนิดนี้คือ ความไม่เห็นแก่ตัว
และการคิดถึงคนอื่นก่อน เมื่อคุณเรียนรู้ที่จะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ


The best and most beautiful things in the world cannot be seen or even touched.
They must be felt with the heart.
- - Helen Keller - -
สิ่งที่ดีและสวยงามที่สุดในโลก มองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้ แต่จะรู้สึกได้จากหัวใจ


“Life isn’t about finding yourself. Life is about creating yourself.”  ― George Bernard Shaw
ชีวิตไม่ใช่เรื่องของการค้นหาตัวตน ชีวิตคือการสร้างตัวตนของตัวเองต่างหาก


Intelligence without ambition is a bird without wings.  – Salvador Dali
คนฉลาดที่ไม่มีความทะเยอทยาน ก็เหมือนกับนกที่ไม่มีปีก


If you fell down yesterday, stand up today. – H. G. Wells
ถ้าคุณล้มลงเมื่อวานนี้ วันนี้ก็ขอให้ลุกยืนขึ้นมา


Success is not final, failure is not fatal: it is the courage to continue that counts. – Winston Churchill
ความสำเร็จไม่ใช้จุดสิ้นสุด ความล้มเหลวก็ไม่ใช่สิ่งร้ายแรง มันคือความกล้าที่จะเริ่มต้นมานับใหม่


Try not to become a man of success, but rather try to become a man of value. – Albert Einstein
อย่าพยายามที่จะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ แต่ขอให้พยายามเป็นคนที่มีคุณค่า


After a storm comes a calm. – Matthew Henry
ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ


You are never too old to set another goal or to dream a new dream.  – C. S. Lewis
คุณไม่เคยแก่เกินไปที่จะตั้งเป้าหมายใหม่ ๆ หรือจะฝันความฝันใหม่ ๆ


Always do your best. What you plant now, you will harvest later. – Og Mandino
ทำให้ดีที่สุดเสมอ เพราะอะไรที่คุณปลูกไว้ตอนนี้ คุณก็จะได้เก็บเกี่ยวผลลัพภ์ของมันหลังจากนั้น

ใครมีคำคม ข้อคิด คติพจน์ ที่อยากจะแชร์ สามารถโพสต์ลงใต้คอมเม้นท์นี้ได้เลยนะครับ

ฝ้าเกิดจากอะไร? มีวิธีรักษาและกำจัดฝ้าได้อย่างไร?


เมื่อสาวๆ ได้ยินคำว่า ฝ้า คงอยากจะหนีไปไกลๆ ใบส่วนหนึ่งของฝ้าที่ขึ้นบนใบหน้านั้นทำให้หน้าดูหมองคล้ำ ไม่สวยใสเด้งปิ๊ง นี่เลยเป็นปัญหาหนักอกของสาวๆ

ฝ้าคืออะไร


ฝ้า มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม พบมาบริเวณแก้ม หน้าผาก จมูก และคาง นอกจากนี้อาจจะพบได้ที่คอ และตามแขนด้านนอก มักจะเป็น 2 างเท่าๆกัน ส่วนใหญ่จะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะช่วงเวลาตั้งครรภ์ พบมากในผู้มีอายุ 30 ปีขึ้นไป โดยอายุมากขึ้นจะมีโอกาสเกิดฝ้าได้มาก

ฝ้าเกิดจากอะไร

ฝ้าเกิดจากแสงแดด : อันเป็นปัจจัยสำคัญสุดในการเกิดฝ้า และมีส่วนทำให้ผิวเกิดความหมองคล้ำ ซึ่งเกิดจากแสงอุลตราไวโอเลต A, B และ Visibal Light ส่วนแสงแดดที่ควรหลีกเลี่ยงควรเป็นช่วงเวลา 1.00 - 17.00น.

ฮอร์โมน ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์

เครื่องสำอางค์ และน้ำหอม : ล้างออกไม่หมด เกิดการอุดตัน เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง

พันธุกรรม : จากคนในครอบครัวที่เคยเป็น

ยา : จำพวกยาคุมกำเนิด, ยากันชัก เป็นต้น

การจำแนกประเภทของฝ้า

1. ฝ้าจากความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น การตั้งครรภ์ หรือการใช้ยาคุมกำเนิดบางชนิด เมื่อคลอดลูกแล้ว หรือหยุดใช้ยาคุมกำเนิด ฝ้าก็จะค่อยๆ จางลงได้

2.  ฝ้าจากเลือดลม ไม่สามารถหายได้

ชนิดของฝ้า

ฝ้ามีทั้งชนิดฝ้าตื้นและฝ้าลึก

 ฝ้าตื้น คือ ฝ้าที่อยู่ในชั้นหนังกำพร้าจะมองเห็นเป็นปื้นสีน้ำตาลอ่อน

 ฝ้าลึก คือ ฝ้าที่อยู่ใต้ชั้นหนังกำพร้า จะมองเห็นเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือดำ ฝ้าลึกจะรักษาให้หายได้ยากกว่าฝ้าตื้น

สำหรับคุณๆที่ได้รู้ว่าตนเองเป็นฝ้าประเภทไหน ชนิดใด เกิดได้อย่างไรมาแล้ว วันนี้ก็มาถึงวิธีในการรักษาและกำจัดฝ้ากันแล้ว...

วิธีในการรักษาและกำจัดฝ้า

1. การทายาฟอกสี เช่น ไฮโดรควิโนน กรดวิตามินเอ กรดอาเซลิก กรดโคจิก จะออกฤทธิ์โดยยับยั้งการสร้างเม็ดสี ควรใช้ทุกวันอย่างต่อเนื่องจนสีของฝ้าค่อยๆ เรียบเสมอ แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นทาสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ้าเกิดขึ้นอีก การใช้ยาชนิดนี้อาจมีข้อแทรกซ้อนได้ เช่น หน้าดำและเกิดจุดด่างขาวได้เมื่อถูกแสงแดด ดังนั้นควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง ไม่ควรซื้อยามาใช้เอง เพราะยาบางชนิดอาจมีสารปรอท เมื่อใช้ในช่วงแรก ฝ้าจะจางลง แต่ในระยะยาวอาจเกิดผลเสียต่อผิวได้ เช่น กลายเป็นรอยด่างขาว หรือเกิดสีผิวคล้ำขึ้นได้ หรือกลายเป็นฝ้าถาวรได้

2. การใช้สารเคมีลอกฝ้า เช่น เอ เอช เอ (AHA) ซึ่งเป็นเอนไซม์จากผลไม้ มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ทำให้เซลล์ชั้นบนของผิวลอกออก และเร่งให้เม็ดสีเมลานินหลุดออกมาเร็วขึ้น ช่วยให้ฝ้าจางลงได้ แต่ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อป้องกันการเกิดข้อแทรกซ้อน เช่น การระคายเคืองผิว

3. การทาครีมปรับสภาพผิวที่มีส่วนผสมของสารไวท์เทนนิ่ง เช่น สารสกัดจากรากชะเอม (Licorice) สารสกัดจากมะขามป้อม ขมิ้น และวิตามินซี ควรทาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการรักษาฝ้า

4. การทาครีมกันแดด ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 เป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ้าเข้มขึ้นหรือเกิดฝ้าใหม่ขึ้นอีก

5. หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดด โดยเฉพาะช่วงเวลา 1.00 - 17.00 น.

6. การใช้ Light Therapy เช่น VPL เพื่อช่วยในการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

7. การใช้แสงเลเซอร์ ทำลายเซลล์เม็ดสี จะช่วยให้ฝ้าจางลงได้ ควรใช้ในกรณีที่รักษาด้วยวิธีอื่นๆ แล้วไม่ได้ผล

นี่อาจจะเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการที่จะทำให้คุณพอเรื่องในเรื่องปัญหาฝ้า บ้าง เพื่อจะได้มีสุขภาพผิวที่ดีๆ ห่างไกลคำว่าฝ้าบนใบหน้าคุณ

วิธีลดรอยฝ้าและใบหน้าหมองคล้ำ

 ฝ้า เป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยมากโรคหนึ่ง พบมากในอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป

 สาเหตุ
     เกิดจากมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้ผิวหนังมีการสร้างเม็ดสีมากกว่าปกติพบมากในหญิงตั้งครรภ์ และหญิงที่กินหรือ ฉีดยาคุมกำเนิด แต่ก็อาจพบใน ผู้ชาย และผู้หญิงทั่วไป  

      - ผู้ที่ถูกแสงแดด หรือแสงไฟ (แสงอัลตราไวโอเลต) บ่อยอาจมีโอกาสเป็นฝ้าได้ง่าย และ
เชื่อว่ากรรมพันธุ์ก็มีส่วนเกี่ยวข้อง กับการเกิดฝ้า

     - ความเครียด สารเคมี (เช่น น้ำมันดิน) น้ำหอม เครื่องสำอาง ก็มีส่วนกระตุ้นให้เกิดฝ้า หรือรอยด่างดำบนใบหน้าได้
     - ผู้ที่เป็นโรคบางชนิด เช่น เนื้องอกของรังไข่ โรคแอดดิสัน  ก็อาจทำให้หน้าเป็นฝ้าดำได้ เช่นกัน บางคนอาจเกิดฝ้าโดยไม่ทราบสาเหตุก็ได้

 อาการ
     มีลักษณะเป็นรอย หรือปื้นสีน้ำตาลออกดำขึ้นที่บริเวณใบหน้าส่วนที่ถูกแสงแดดมาก ๆ เช่น หน้าผาก โหนกแก้มทั้งสองข้าง และดั้งจมูก บางคนอาจมีรอยดำ ที่หัวนม รักแร้ ขาหนีบ หรืออวัยวะเพศร่วมด้วย

 การดูแลเบื้องต้น
  - พยายามอย่าถูกแดดมาก (เวลาออกกลางแจ้ง ควรใส่หมวก หรือกางร่ม) ควรหลบแสงไฟแรง ๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอม และเครื่องสำอาง ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และอย่าให้อารมณ์เครียด
 - การใช้ยารักษา (อยู่ในความดูแลของแพทย์)
 - ผลิตภัณฑ์กันแดด ค่า SPF 15 ขึ้นไป

วิธีทำแชมพูมะกรูดสูตรธรรมชาติ ช่วยขจัดรังแค แก้อาการคันศีรษะ ใช้หมักผมและหนังศีรษะ(Kaffir Lime Shampoo)


คนไทยเรารู้จักมะกรูดกันดีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะนำมาใช้ปรุงแต่งรสชาติในอาหาร เช่น แกงต่างๆ ที่สำคัญยังนำมาใช้บำรุงผมได้เป็นอย่างดี เพราะมีสรรพคุณในการทำความสะอาดหนังศีรษะ ขจัดรังแค แก้คันศีรษะ ทำให้ผมนิ่ม สลวย กระตุ้นการทำงานของเส้นเลือดบนหนังศีรษะ ป้องกันผมหงอกก่อนวัย และมีน้ำมันหอมระเหย ให้ความสดชื่น บรรเทาอาการเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี

นอกจากนั้นยังมีการนำมะกรูดไปใช้ในพระราชพิธีสำคัญ เช่น พระราชพิธีโสกันต์ ซึ่งระบุไว้ว่าจะต้องมีผลมะกรูดและใบส้มป่อยประกอบในพิธีด้วย ส่วนในวรรณคดีไทยหลายเรื่องได้กล่าวถึงมะกรูดไว้อย่างไพเราะเพราะพริ้งที เดียวค่ะ เช่น กาพย์ห่อโคลงนิราศพระบาท ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์
มะกรูดสองแถวทาง    คิดมะกรูดนางสางสระผม
แก้เกล้าเจ้าผึ่งลม    กลิ่นขจรขจายเรียมสบายใจ
มะกรูดสองเถื่อนถ้อง    แถวพนม
มะกรูดเหมือนนางสระผม    พ่างเพี้ยง
แก้เกล้าเจ้าผึ่งลม    รวยรื่น
ขจรสุคนธกลิ่นเกลี้ยง    รื่นล้ำเรียมสบายฯ
ฟังแล้ว คงทำให้หลายคนอยากใช้มะกรูดเป็นแชมพูสระผมกันบ้างแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราไปดูสูตรจากมะกรูดกันเลยค่ะ
ผมสวยด้วยมะกรูด

แม้จะมีแชมพูครีมนวดผม ครีมหมักผมสมุนไพรออกมาวางขายหลากหลายยี่ห้อ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้สารเคมีต่างๆผสมลงไป เช่น สารเพิ่มฟอง วัตถุกันเสีย หัวน้ำหอมต่างๆ ดังนั้นก่อนซื้อมาใช้ต้องเลือกให้ดีค่ะ

ปัจจุบันมีแชมพูและครีมนวดผมจากมะกรูดวางจำหน่าย บางยี่ห้อมีส่วนผสมของตะไคร้ช่วยป้องกันผมแตกปลาย หรือมีส่วนผสมของน้ำมันงา ช่วยบำรุงผมให้นิ่มดกดำ หรือดอกอัญชัญ ซึ่งช่วยป้องกันผมหงอกก่อนวัย

แต่ที่พิเศษสุดเห็นจะเป็นการนำมะกรูดและน้ำกาแฟมารวมเข้าด้วยกัน เพื่อช่วยปิดผมขาว ช่วยเคลือบเส้นผมแบบธรรมชาติ พร้อมทั้งบำรุงรากผมที่เกิดใหม่ เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่โกรก หรือย้อมผมเป็นประจำด้วย แต่ใครที่อยากลองทำแชมพูมะกรูดใช้เอง เรามีสูตรต่างๆมาแนะนำค่ะ

วิธีทำน้ำมะกรูดด้วยการเผาไฟ

เหมาะสำหรับขจัดรังแค แก้คันศีรษะใช้หมักผมและหนังศีรษะ

   1. นำมะกรูดเผาไฟให้พอมีน้ำมันซึมออกมาจากผิว และมีกลิ่นหอม
   2. ผ่าครึ่ง บีบเอาเฉพาะน้ำมาชโลมให้ทั่วหนังศีรษะ หมักไว้ประมาณ 15-30 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

วิธีทำน้ำมะกรูดด้วยการต้ม

เหมาะสำหรับ สระแทนแชมพู ทำให้ผมนิ่ม ลื่น รักษาอาการคันศีรษะ

   1. นำมะกรูดผ่าครึ่ง ต้มกับน้ำเล็กน้อย (น้ำ 2ถ้วย ต่อมะกรูด 1 ลูก) ตั้งไฟพอเดือดยกลง ปิดฝาทิ้งไว้จนอุณหภูมิลดลง นำมาคั้นแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง เพื่อไม่ให้เกร็ดเล็กๆของมะกรูดติดกับผม
   2. นำน้ำมะกรูดที่ได้มาชโลมให้ทั่วเส้นผมและหนังศีรษะ ใช้ทำความสะอาดเส้นผมแทนแชมพู หรือใช้เคลือบเส้นผมแทนครีมนวดผม ทำให้ผมหวีง่ายไม่พันกัน

แชมพูมะกรูดสูตร 1 ส่วนผสม

   1. มะกรูด 3-5 ผล
   2. ใบหมี่ 10 ใบ
   3. น้ำซาวข้าวเหนียว 1 ลิตร

วิธีทำ

   1. มะกรูดผ่าตามขวางเป็นสองซีก ตั้งน้ำพอเดือด ใส่มะกรูดและใบหมี่ลงไปในหม้อ
   2. รอให้เดือดต่อประมาณ 10 นาที ปิดฝา ยกลง
   3. รอจนเย็นลง ใช้ผ้าขาวบางกรองเอากากออก แล้วเก็บใส่ขวดไว้ใช้สระผมแทนแชมพู

หมายเหตุ วิธีการทำน้ำซาวข้าวเหนียว ให้นำข้าวเหนียวประมาณ 1 ลิตร แช่น้ำพอท่วม (ใช้น้ำประมาณ 1 ลิตร) ทิ้งไว้ประมาณ 6-8 ชั่วโมง จะได้น้ำซาวข้าวเหนียวสีขาวขุ่น

แชมพูมะกรูดสูตร 2 ส่วนผสม

   1. มะกรูด 3-5 ผล
   2. หญ้าปักกิ่ง ถ้วย

วิธีทำ

   1. มะกรูดผ่าตามขวางเป็นสองซีก หญ้าปักกิ่งทั้งต้นล้างน้ำให้สะอาดใช้ทั้งราก ทั้งใบ
   2. ใส่มะกรูด หญ้าปักกิ่ง น้ำซาวข้าว ในหม้อตั้งไฟปานกลาง รอให้เดือดประมาณ 20 นาที ปิดฝายกลง
   3. รอจนน้ำเย็น สังเกตสีของน้ำจะคล้ำขึ้น ใช้มือคั้นเอาแต่น้ำ ทิ้งกาก
   4. กรองด้วยผ้าขาวบางอีกครั้ง เก็บใส่ขวดไว้ใช้สระผมแทนแชมพู

หมายเหตุ หากไม่มีน้ำซาวข้าวเหนียวให้ใช้น้ำเปล่าแทนได้ น้ำซาวข้าวเหนียวมีฤทธิ์เย็น ช่วยรักษาความชุ่มชื่นของหนังศีรษะ ลดอาการคัน แก้ผดผื่น สิว บนหนังศีรษะได้ดี

รู้อย่างนี้แล้ว ลองหยิบมะกรูดมาใช้ดูบ้างน่าจะช่วยให้คุณประหยัดเงินในกระเป๋า แถมยังสวยได้ด้วย



ว่าด้วยเรื่อง Software Product Quality ที่คนพัฒนาต้องคำนึงถึง

Software Product Quality คืออะไร


เมื่อกล่าวถึงคำว่า product เราหมายถึง สินค้าที่ผู้ผลิตเสนอต่อลูกค้า และเป็นสิ่งที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า ส่วน quality คือ ในทางการตลาด คือความพึงพอใจระดับสูงที่เกิดกับลูกค้า

ดังนั้น software product quality เราหมายถึงสิ่งที่สร้างความพึงพอใจระดับสูงแก่ลูกค้า จากโปรแกรมที่ส่งมอบ เป็นส่วนที่ลูกค้าจะได้สัมผัสจากการใช้งาน ไม่ว่าโปรแกรมนั้นจะพัฒนามาจาก tools ชนิดใดและกระบวนการใดก็ตาม เพราะคำว่า “คุณภาพ” เกิดขึ้นที่ลูกค้า มิได้เกิดที่ผู้ผลิต ดังคำที่ ปรมาจารย์ทางการตลาด Peter Ducker กล่าวไว้ว่า "Quality in a product or service is not what the supplier puts in. It is what the customer gets out and is willing to pay for."

Quality guru ท่านหนึ่งชื่อ Philip Crosby ผู้นำเสนอ management theory and quality management practices ที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก นิยามถึง quality ว่าคือ "Conformance to requirements” ซึ่งในทาง software คือ ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ (มิใช่ตรงตามความต้องการของผู้เขียนโปรแกรม)

ส่วน Quality guru อีกท่านหนึ่งชื่อ Joseph M. Juran ผู้เป็นบิดาแห่ง Quality management ซึ่งเป็นหลักการที่ญี่ปุ่นใช้ในการจัดการด้านคุณภาพมายาวนาน จนเป็นผู้นำตลาดในระดับโลกมาถึงทุกวัน ท่านกล่าวว่า Quality คือ "Fitness for use." และเช่นกัน ท่านย้ำว่า Fitness is defined by the customer

จะเห็นได้ว่า หากเราจะพูดถึง software ที่มีคุณภาพ เราจะต้องถือเอามุมมองของลูกค้าเป็นสำคัญ มิใช่มุมมองทางด้านผู้สร้าง software นั้น หรือมุมมองทางด้านเทคโนโลยี โดยที่ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อความพึงพอใจของผู้ใช้งาน ดังนั้นเราจึงมักจะพบว่าการนำเสนอโครงการที่เกี่ยวกับ IT ที่ใช้ technology approach จึงมักจะประสบความล้มเหลว เพราะมักจะเสนอมุมมองทางด้านเทคโนโลยีเป็นหลัก จนทำให้ละเลยมุมมองของ people ware

ประเด็นที่ต้องพิจารณา Software Product Quality มีอะไรบ้าง

Product quality
conformance to requirements คือ ตรงตาม user requirement จริงๆ

Scalability
สามารถ upsize และ downsize ได้อย่างเต็มที่ และไม่บังคับให้ทุกหน่วยงานทเล็ก ต้องใช้ระบบที่ใหญ่เทอะทะ เป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน และที่ต้องไม่ลืมคือCorrectness ของข้อมูล ทั้งการ scale up หรือ scale down ต้องสามารถทำได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์

Completeness
คือมีความสมบูรณ์ตามที่ได้เสนอ มิใช่โปรแกรมที่ยังทำไม่เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งเป็นการเสี่ยงอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของโครงการ

Absence of bugs
ไม่เต็มไปด้วยบั๊ก ซึ่งในกรณีนี้มิได้หมายถึง โปรแกรมจะไม่มีบั๊กเลย เพราะบั๊กคืออะไรที่ยังไม่รู้ว่ามีอยู่และอยู่ตรงไหน แต่โปรแกรมที่ดี ไม่ควรเจอบั๊กรายวัน หรือเจอบั๊กแล้วไม่สามารถแก้ได้ในเวลาอันควร โดยที่ระบบไม่สามารถ recover ได้

Fault-tolerance
คือทนต่อความผิดพลาดที่คาดไม่ถึง ซึ่งโปรแกรมที่ออกแบบมาอย่างดี จะสามารถปรับตัว และเดินหน้าได้ตลอดเวลา ซึ่งการกระทบกระเทือนอาจจะมาจาก hardware OS DBMS Network รวมทั้งแรงกระทบจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ดังนั้น software เหล่านี้จึงต้องมีความสามารถที่จะ Extensibility คือขยายความสามารถให้ครอบคลุม environment ใหม่ๆ และเทคโนโลยีใหม่ๆ

Maintainability
คือสามารถบำรุงรักษาได้อย่างไม่ขาดช่วง ในทุกๆสถานการณ์

การที่ผู้ผลิตรายใดก็ตามที่อยู่ในตลาดมายาวนาน และสามารถพัฒนาโปรแกรมอย่างต่อเนื่อง สามารถ migrate ระบบของลูกค้ารุ่นเก่าๆ มา version ใหม่ได้ 100% และระบบต่างๆก็สามารถ link กันได้ 100% เป็นตัวชี้วัดความเป็น fault-tolerance ของ software ได้เป็นอย่างดี

Documentation
Software จะมีคุณภาพดีได้นั้น จะต้องตอบสนองความต้องการของผู้ใช้จึงจะสร้างความพึงพอใจของผู้ได้ หาก software ที่เขียนมาดีมาก แต่ผู้ใช้ไม่สามารถนำความสามารถเหล่านั้นมาใช้ ก็เพราะผู้ใช้ไม่มีคู่มือการใช้งานที่เพียงพอ เอกสารหรือคู่มือจึงเป็นส่วนสำคัญ ที่จะทำให้ผู้ใช้ได้เข้าถึงความพึงพอใจสูงสุดได้

รวมออราเคิลฮิ้นท์สำหรับจูนนิ่งออปติไมซ์เซอร์ - All Oracle SQL Hints for tuning

tuning step for oracle

ใครที่กำลังประสบปัญหาการรันคิวรี่ หรือ tuning sql อย่างไร ให้ประมวลผล หรือดึงข้อมูลให้ได้เร็วๆ ใช้ประสิทธิภาพของ resource ได้เต็มประสิทธิภาพ วันนี้ผมมีเทคนิคการใช้ hint สำหรับ tuning sql มาฝากกันครับ

รูปแบบการใช้งาน hint syntax:

/*+ hint */
/*+ hint(argument) */
/*+ hint(argument-1 argument-2) */
โค้ดตัวอย่างการใช้ hint:

SELECT /*+ FIRST_ROWS(10) */ table_name
FROM dba_tables
WHERE owner = 'SYS'
AND table_name LIKE '%$'
ORDER BY 1;

SELECT /*+ index(table_alias f_name) */ ... FROM TABLE.test table_alias

-- Hint List ลิสต์รายการ hint:

/*+ ALL_ROWS */

Explicitly chooses the cost-based approach TO optimize
a statement block WITH a goal OF best throughput (that
IS, minimum total resource consumption)

/*+ CHOOSE */

Causes the optimizer TO choose BETWEEN the rule-based approach
AND the cost-based approach FOR a SQL statement based ON the
presence OF statistics FOR the tables accessed BY the statement

/*+ FIRST_ROWS */

Explicitly chooses the cost-based approach TO optimize a statement
block WITH a goal OF best response TIME (minimum resource usage TO
RETURN FIRST ROW). It will also force the optimizer TO make USE OF
INDEX, IF available. There are other versions OF FIRST_ROWS hints.
This hint IS useful IN an OLTP environment WHEN the USER cannot
wait till the LAST ROW IS fetched. This IS mainly used IN JAVA
lookup screens. IF there are some calculations THEN this hint should
NOT be used.

Test your PL/SQL knowledge, Which code runs faster?

/*+ RULE */

Explicitly chooses rule-based optimization FOR a statement block

/*+ AND_EQUAL(table index) */

Explicitly chooses an execution plan that uses an access PATH that
merges the scans ON several single-column indexes

/*+ CLUSTER(table) */

Explicitly chooses a CLUSTER scan TO access the specified TABLE

/*+ FULL(table) */

Explicitly chooses a full TABLE scan FOR the specified TABLE

/*+ HASH(table) */

Explicitly chooses a hash scan TO access the specified TABLE

/*+ HASH_AJ(table) */

Transforms a NOT IN sub query INTO a hash anti join TO access the
specified TABLE

/*+ HASH_SJ (table) */

Transforms a NOT IN sub query INTO a hash anti-join TO access the
specified TABLE

/*+ INDEX(table index) */

Explicitly chooses an INDEX scan FOR the specified TABLE

/*+ INDEX_ASC(table index) */

Explicitly chooses an ascending-RANGE INDEX scan FOR the specified
TABLE

/*+ INDEX_COMBINE(table index) */

IF no indexes are given AS arguments FOR the INDEX_COMBINE hint, the
optimizer uses whatever BOOLEAN combination OF bitmap indexes has the
best cost estimate. IF particular indexes are given AS arguments, the
optimizer tries TO USE some BOOLEAN combination OF those particular
bitmap indexes.

/*+ INDEX_DESC(table index) */

Explicitly chooses a descending-RANGE INDEX scan FOR the specified TABLE

/*+ INDEX_FFS(table index) */

Causes a fast full INDEX scan TO be performed rather than a full
TABLE scan

/*+ MERGE_AJ (table) */

Transforms a NOT IN sub query INTO a merge anti-join TO access the
specified TABLE

/*+ MERGE_SJ (table) */

Transforms a correlated EXISTS sub query INTO a merge semi-join TO
access the specified TABLE

/*+ ROWID(table) */

Explicitly chooses a TABLE scan BY ROWID FOR the specified TABLE

/*+ USE_CONCAT */

Forces combined OR conditions IN the WHERE clause OF a query TO be
transformed INTO a compound query using the

UNION ALL SET OPERATOR

/*+ ORDERED */

Causes Oracle TO join tables IN the ORDER IN which they appear IN
the FROM clause

/*+ STAR */

Forces the large TABLE TO be joined using a nested-LOOP join ON the INDEX

/*+ DRIVING_SITE (table) */

Forces query execution TO be done AT a different site FROM that selected
BY Oracle

/*+ USE_HASH (table) */

Causes Oracle TO join each specified TABLE WITH another ROW source
WITH a hash join

/*+ USE_MERGE (table) */

Causes Oracle TO join each specified TABLE WITH another ROW source
WITH a sort-merge join

/*+ USE_NL (table) */

Causes Oracle TO join each specified TABLE TO another ROW source
WITH a nested-loops join using the specified TABLE AS the inner TABLE

/*+ APPEND */ , /*+ NOAPPEND */

Specifies that data IS simply appended (OR NOT) TO a TABLE; existing
free SPACE IS NOT used. USE these hints only following the INSERT keyword.

/*+ NOPARALLEL(table) */

Disables parallel scanning OF a TABLE, even IF the TABLE was created
WITH a PARALLEL clause

/*+ PARALLEL(table, instances) */

This allows you TO specify the desired NUMBER OF concurrent slave processes
that can be used FOR the operation. DELETE, INSERT, AND UPDATE operations
are considered FOR parallelization only IF the session IS IN a PARALLEL DML
enabled MODE. (USE ALTER SESSION PARALLEL DML TO enter this MODE.)

/*+ PARALLEL_INDEX */

Allows you TO parallelize fast full INDEX scan FOR partitioned AND
non-partitioned indexes that have the PARALLEL attribute

/*+ NOPARALLEL_INDEX */

Overrides a PARALLEL attribute setting ON an INDEX

/*+ CACHE */

Specifies that the blocks retrieved FOR the TABLE IN the hint are placed
AT the most recently used END OF the LRU list IN the buffer cache WHEN a
full TABLE scan IS performed

/*+ NOCACHE */

Specifies that the blocks retrieved FOR this TABLE are placed AT the
LEAST recently used END OF the LRU list IN the buffer cache WHEN a full
TABLE scan IS performed

/*+ MERGE (table) */

Causes Oracle TO evaluate complex views OR sub queries before the
surrounding query

/*+ NO_MERGE (table) */

Causes Oracle NOT TO merge mergeable views

/*+ PUSH_JOIN_PRED (table) */

Causes the optimizer TO evaluate, ON a cost basis, whether OR NOT TO push
individual join predicates INTO the VIEW

/*+ NO_PUSH_JOIN_PRED (table) */

Prevents pushing OF a join predicate INTO the VIEW

/*+ PUSH_SUBQ */

Causes non merged sub queries TO be evaluated AT the earliest possible
place IN the execution plan

/*+ STAR_TRANSFORMATION */

Makes the optimizer USE the best plan IN which the transformation has been used.

ตัวย่าง explain plan การใช้ hint ALL_ROWS



เป็นยังไงกันบ้างครับกับบทความรวมออราเคิลฮิ้นท์สำหรับจูนนิ่งออปติไมซ์เซอร์ - All Oracle SQL Hints for tuning ลองนำไปประยุกต์ใช้กันดูนะครับ ติดปัญหาหรือสงสัย โพสต์คอมเม้นท์ สอบถามได้ที่ใต้โพสต์นี้ได้เลยครับ :)