วิธีการเข้าสู่ BIOS Setup Mode และการตั้งค่าในไบออส(BIOS) ที่ควรทราบ(มีคลิป)

โดยปกติแล้ว เราไม่จำเป็นต้องทำการเปลี่ยนแปลงค่าต่าง ๆ ใน BIOS บ่อยนัก ยกเว้นเมื่อเราต้องการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าต่าง ๆ หรือเมื่อมีการเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ ๆ เช่น CPU, RAM หรือ Hard Disk เป็นต้น


วิธีการเข้าสู่ BIOS Setup Mode

สำหรับวิธีการที่จะเข้าไปตั้งค่าต่าง ๆ ใน BIOS ได้นั้น จะขึ้นอยู่กับระบบของแต่ละเครื่องด้วย โดยปกติเมื่อเราทำการเปิดสวิทช์ไฟของเครื่องคอมพิวเตอร์ BIOS ก็จะเริ่มทำงานโดยทำการทดสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ก่อนที่จะเรียกใช้งานระบบ DOS จากแผ่น Floppy Disk หรือ Hard Disk ในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เราสามารถเข้าไปทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าต่าง ๆ ใน BIOS ได้โดยกด Key ต่าง ๆ เช่น F2, F10, DEL, ESC, CTRL+ESC, CTRL+ALT+ESC ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละเครื่องจะตั้งไว้อย่างไร ส่วนใหญ่ จะมีข้อความบอกเช่น "Press DEL Key to Enter BIOS Setup" เป็นต้น

ปุ่ม Key ต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับการ Setup BIOS ส่วนใหญ่จะเป็นแบบเดียวกัน โดยจะมีรูปแบบทั่วไปดังนี้

    Up, Down, Left, Right ใช้สำหรับเลื่อนเมนูตามต้องการ
    Page Up, Page Down ใช้สำหรับเพิ่ม ลบ หรือเปลี่ยนแปลงค่าตามต้องการ
    ESC Key ใช้สำหรับย้อนกลับไปเมนูแรกก่อนหน้านั้น
    Enter Key ใช้สำหรับเลือกที่เมนูตามต้องการ
    F1, F2 ถึง F10 ใช้สำหรับการทำรายการตามที่ระบุในเมนู BIOS Setup

ตัวอย่างการตั้งค่าต่าง ๆ ใน BIOS Setup

สำหรับตัวอย่างต่อไปนี้ผมนำมาให้ดูแบบรวมทั่ว ๆ ไปของ BIOS เท่าที่หาข้อมูลได้นะครับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะคล้าย ๆ กัน เริ่มจากหลังจากที่กด DEL หรือ Key อื่น ๆ ขณะเปิดเครื่องเพื่อเข้าสู่ BIOS Setup Mode โดยปกติแล้ว ถ้าหากเป็นการตั้งค่าครั้งแรก หลังจากที่ทำการ Reset CMOS แล้ว ก็เลือกที่เมนู Load BIOS Default Setup หรือ Load BIOS Optimal-performance เพื่อเลือกการตั้งค่าแบบกลาง ๆ ของอุปกรณ์ทั่วไปก่อน จากนั้นจึงมาทำการเลือกแก้ไขเปลี่ยนแปลงแต่ละค่า ตามเมนูต่อไปนี้

Standard CMOS Setup
Date และ Time    ใส่ วันที่ และ เวลา ปัจจุบัน
Hard Disk    กำหนดขนาดของ HDD (Hard Disk) ว่ามีขนาดเท่าไร โดยเลือกตั้งค่าเองแบบ User, แบบอัตโนมัติ Auto หรือไม่ได้ติดตั้งก็เลือกที่ None
Primary / Master    อุปกรณ์ที่ต่อกับ IDE แรก แบบ Master
Primary / Slave    อุปกรณ์ที่ต่อกับ IDE แรก แบบ Slave
Secondary / Master    อุปกรณ์ที่ต่อกับ IDE ที่สอง แบบ Master
Secondary / Slave    อุปกรณ์ที่ต่อกับ IDE ที่สอง แบบ Slave

- Cyls    จำนวน cylinders ใส่ตามคู่มือ HDD

- Heads   จำนวน heads ใส่ตามคู่มือ HDD

- Precomp    write precompensation cylinder ไม่ต้องกำหนดหรือใส่ตามคู่มือ HDD
- Landz    landing zone ไม่ต้องกำหนด หรือใส่ตามคู่มือ HDD
- Sectors    จำนวน sectors ใส่ตามคู่มือ HDD Mode    ถ้าหากทราบค่าที่แน่นอนให้ใส่เป็น User แต่ถ้าไม่แน่ใจ ให้ตั้ง Auto ไว้

- Auto BIOS   จะทำการตรวจสอบและตั้ง Mode ของ HDD อัตโนมัติ
- Normal    สำหรับ HDD ที่มี clys,heads,sectors ไม่เกิน 1024,16,63
- Large    สำหรับ HDD ที่มี cyls มากกว่า 1024 แต่ไม่ support LBA Mode
- LBA    Logical Block Addressing สำหรับ HDD ใหม่ ๆ จะมีการส่งข้อมูลที่เร็วกว่า
Drive A: B:    ชนิดของ Diskette Drives ที่ติดตั้งใช้งาน 360K, 720K, 1.2M หรือ 1.44M
Video    ชนิดของจอแสดงภาพ (ปกติจะเป็น EGA/VGA)
Halt On    กำหนดการ Stop หากพบ Error ขณะที่ POST (Power-On Seft Test)
- All errors    การ POST จะหยุดและแสดง prompts ให้เลือกการทำงานต่อไปทุก Error
- All, But Key    การ POST จะไม่หยุดกรณีของการเกิด Keyboard Error
- All, But Disk    การ POST จะไม่หยุดกรณีของการเกิด Disk Drive Error
- All, But Disk/Key    การ POST จะไม่หยุดกรณีของการเกิด Keyboard Error หรือ Disk Error
Memory    จะแสดงขนาดของ Memory ที่ใส่อยู่ ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
- Base Memory    โดยปกติจะเป็น 640K สำหรับ DOS
- Extended    คือ Memory ในส่วนที่สูงกว่า 1M ขึ้นไป
- Other Memory    หมายถึงส่วนของระหว่าง 640K ถึง 1M

BIOS Features Setup
Virus Warning    การเตือนเมื่อมีการเขียนข้อมูลทับ Boot Record ของ HDD [Enabled]
CPU Int / Ext cache    การใช้งาน CPU Internal / External Cache [Enabled]
CPU L2 Cache ECC Check    การใช้ External Cache แบบ ECC SRAMs
Quick Power On Seft Test    การทำ POST แบบเร็ว [Enabled]
Boot Sequence    เลือกลำดับของการบูทเช่นจาก C:, A: หรือ IDE-0, IDE-1 [C: A:]
Swap Floppy Disk    กำหนดการสลับตำแหน่ง Drive A: เป็น Drive B: [Disabled]
Boot Up Floppy Seek    การตรวจสอบชนิดของ Disk Drive ว่าเป็นแบบใด [Disabled]
Boot Up NumLock Status    กำหนดการทำงานของ Key NumLock หลังจากเปิดเครื่อง [Disabled]
Boot Up System Speed    กำหนดความเร็ว CPU หลังจากเปิดเครื่อง [High]
Gate A20 Option    การเข้าถึง Address memory ส่วนที่สูงกว่า 1M [Fast]
Typematic Rate Setting    กำหนดความเร็วของการกด Key [Enabled]
Typematic Rate (Chars/Sec)    กำหนดความเร็วของการกด Key [6]
Typematic Delay (Msec)    กำหนดค่า delay ของการกด Key [250]
Security Option    กำหนดการตั้งรหัสผ่านของการ Setup BIOS หรือ System [Setup]
PS/2 Mouse Control    กำหนดการใช้งาน PS/2 Mouse [Disabled]
PCI/VGA Palette Snoop    แก้ปัญหาการเพี้ยนของสีเมื่อใช้การ์ดวีดีโออื่น ๆ ร่วมด้วย [Disabled]
Assign IRQ for VGA    กำหนดการใช้ IRQ ให้กับการ์ดจอ [Enabled]
OS Select for DRAM > 64M    การกำหนดหน่วยความจำสำหรับ OS2 [Non-OS]
HDD S.M.A.R.T capability    Self-Monitering Analysis and Reporting Technology ควรเลือก [Enabled]
Video BIOS Shadow    กำหนดให้ทำ Shadow กับ ROM จากการ์ดแสดงผล C0000-C4000 ควรเลือก [Enabled
Adapter ROM    กำหนดให้ทำ Shadow กับ ROM จากการ์ดที่เสียบเพิ่มเติม
- C8000    ใช้กับการ์ดแสดงผลชนิด MDA (จอเขียว)
- CC000    ใช้กับการ์ด controller บางประเภท [Disabled]
- D0000    ใช้กับการ์ด LAN [ถ้าไม่ใช้ตั้ง Disabled]
- D4000    ใช้กับ controller สำหรับ Disk Drive ชนิดพิเศษ [Disabled]
- D8000    ตั้ง [Disable]
- DC000    ตั้ง [Disable]
- E0000    ตั้ง [Disable]
- E4000    ตั้ง [Disable]
- E8000    ตั้ง [Disable]
- EC000    ใช้กับการ์ด controller ชนิด SCSI [หากไม่ได้ใช้ตั้ง Disable]
System ROM    การทำ Shadow กับ ROM ของ BIOS ที่ F000 [Enabled]

Chipset Features Setup
Auto Configuration    คือให้ BIOS จัดการค่าต่างๆโดยอัตโนมัติซึ่งจะเป็นค่ากลาง ๆ
Hidden Refresh    การเติมประจุไฟของ DRAM [Enabled]
Slow Refresh    ให้ DRAM ลดความถี่ในการเติมประจุไฟลง 2 - 4 เท่า [เลือก Enabled ถ้าไม่มีปัญหาในการใช้งาน]
Concurrent Refresh    การอ่าน-เขียนข้อมูล ได้พร้อมๆกับการเติมประจุไฟใน DRAM [เลือก Enabled ถ้าไม่มีปัญหาในการใช้งาน]
Burst Refresh    การเติมประจุไฟลง DRAM ได้หลายๆ รอบในการทำงานครั้งเดียว [เลือก Enabled ถ้าไม่มีปัญหาในการใช้งาน]
DRAM Brust at 4 Refresh    จำนวนการ Burst Refresh เป็น 4 รอบในการทำงาน 1ครั้ง [Enabled]
Staggered Refresh    การเติมประจุล่วงหน้าใน DRAM ใน Bank ถัดไปด้วย [Enabled]
Refresh RAS Active Time    ให้ทดลองกำหนดค่าน้อยที่สุดเท่าที่เครื่องจะสามารถทำงานได้
AT Cycle Wait State    เวลาที่รอให้การ์ด ISA พร้อม ให้ตั้งค่าที่น้อยสุดเท่าที่เครื่องทำงานได้
16-Bit Memory, I/O Wait State    เวลาที่ซีพียูต้องรอระหว่างรอบการทำงาน ตั้งน้อยที่สุดที่ทำงานได้
8-Bit Memory, I/O Wait State    เวลาที่ซีพียูต้องรอระหว่างรอบการทำงาน ให้ตั้งน้อยสุดที่ทำงานได้
DMA Clock Source    กำหนดความเร็วของอุปกรณ์ DMA โดยมีค่าปกติคือ 5 MHz
Memory Remapping    หากเปิดการทำงานนี้ไว้จะทำ Shadows กับ BIOS ใดๆ ไม่ได้ [Disable]
Cache Read Hit Burst หรือ SRAM Read Wait State    ระยะพักรอเมื่ออ่านข้อมูลลงใน L1 Cache ให้ตั้งน้อยที่สุดเท่าที่ทำงานได้
Cache Write Hit Burst หรือ SRAM Write Wait State    ระยะพักรอเมื่ออ่านข้อมูลลงใน L1 Cache ให้ตั้งน้อยที่สุดเท่าที่ทำงานได้
Fast Cache Read / Write    ให้แคชทำงานโหมดความเร็วสูง จะมีผลเมื่อแคชมีขนาด 64 KB หรือ 256 KB
Tag Ram Includes Ditry    ให้แคชทำงานในโหมดเขียนทับโดยไม่ต้องย้าย/ลบข้อมูลเดิมออกก่อน หากมี Ram น้อยกว่า 256 MB ควรใช้ Dirty Bit
Non-Cacheable Block-1 Size    กำหนดขนาดหน่วยความจำที่ห้ามทำแคช [OK หรือ Disabled]
RAS to CAS Delay Time    ค่าหน่วงเวลาก่อนที่จะสลับการทำงาน RAS-CAS ตั้งค่าน้อยที่สุด เท่าที่ทำงานได้
CAS Before RAS    การสลับลำดับการทำงานระหว่าง RAS และ CAS
CAS Width in Read Cycle    กำหนดค่าหน่วงเวลาก่อนที่ซีพียูจะเริ่มอ่านข้อมูลใน DRAM ตั้งน้อยที่สุดที่ทำงานได้
Interleave Mode    ให้ซีพียูอ่าน - เขียนข้อมูลจาก DRAM ในโหมด Interleave
Fast Page Mode DRAM    ให้หน่วยความจำทำงานแบบ FPM โดยไม่ต้องอาศัย RAS และ CAS ซึ่งจะเร็วกว่า
SDRAM CAS Latency Time หรือ SDRAM Cycle Length    ระยะ รอบการทำงานของ CAS latency ใน SDRAM ตั้งค่าน้อยที่สุด หรือใช้ค่า 2 กับ RAM ชนิด PC100 และใช้ค่า 3 กับ RAM ชนิด ความเร็วแบบ PC66/83
Read Around Write    กำหนดให้ซีพียูอ่าน - เขียนข้อมูลจากหน่วยความจำได้ในคราวเดียวกัน [Enabled]
DRAM Data Integrity Mode    เลือก Non-ECC หรือ ECC ตามขนิดของ SDRAM
System BIOS Cacheable    การทำแคชของ System BIOS ROM #F0000-FFFFF [Enabled]
Video BIOS Cacheable    การทำแคชของ Video BIOS ROM [Enabled]
Video RAM Cacheable    การทำแคชของ Video RAM #A0000-AFFFF [Enabled ถ้าไม่มีปัญหา]
Memory Hole at 15M-16M    การจองพื้นที่สำหรับ ISA Adapter ROM [Enabled]
Passive Release    กำหนด CPU to PCI bus accesses ช่วง passive release [Enabled]
Delayed Transaction    เลือก Enable สำหรับ PCI version 2.1
AGP Aperture Size (MB)    กำหนดขนาดของ AGP Aperture กำหนดเป็นครึ่งหนึ่งของ RAM ทั้งหมด

Power Management
Max Saving    กำหนดการประหยัดพลังงานแบบ สูงสุด
User Define    กำหนดการประหยัดพลังงานแบบ ตั้งค่าเอง
Min Saving    กำหนดการประหยัดพลังงานแบบ ต่ำสุด
PM Control by APM    กำหนดให้ควบคุมการประหยัดพลังงานผ่านทางซอฟท์แวร์ APM
Video Off Method    กำหนดวิธีการปิดจอภาพเมื่อเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน
- V/H SYNC + Blank    จะปิดการทำงาน V/H SYNC และดับจอภาพด้วย Blank Screen
- DPMS    สำหรับการ์ดแสดงผลและจอภาพที่สนับสนุนโหมด DPMS
- Blank Screen    จะทำการแสดงหน้าจอว่าง ๆ เมื่อประหยัดพลังงาน สำหรับจอรุ่นเก่า ๆ
Video Off After    ให้ปิดจอภาพเมื่อเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานแบบ Stanby หรือ Suspend
Standby Mode    กำหนดระยะเวลาเมื่อพบว่าไม่มีการใช้งาน จะหยุดทำงานของอุปกรณ์บางส่วน
Supend Mode    จะตัดการทำงานบางส่วนคล้าย Standby Mode แต่หยุดอุปกรณ์ที่มากกว่า
HDD Power Down    กำหนดระยะเวลาก่อนที่ BIOS จะหยุดการทำงานของ HDD
Resume by Ring    เมื่อ Enabled สามารถสั่งให้ทำงานจาก Soft Off Mode ได้
Resume by Alarm    เมื่อ Enabled สามารถตั้งเวลาทำงานจาก Suspend Mode ได้
Wake Up On LAN    เมื่อ Enabled สามารถสั่งให้ทำงานจาก Soft Off Mode ได้

Integrated Peripherals
IDE HDD BLOCKS MODE    ให้ HDD อ่าน-เขียนข้อมูลได้ครั้งละหลาย Sector พร้อมกัน [Enabled]
IDE PIO Mode...    กำหนดการทำงานแบบ Programe Input/Output [ตั้งสูงสุดหรือ Auto]
IDE UDMA...    กำหนดการทำงานแบบ DMA หรือ UDMA [Enabled หรือ Auto]
On-Chip PCI IDE    กำหนดการใช้ช่องเสียบ HDD IDE ที่อยู่บนเมนบอร์ด [Enabled]
USB Keyboard Support    กำหนดให้ใช้ Keyboard แบบ USB [Enabled]
Onboard FDC Controller    กำหนดให้ใช้ช่องเสียบ Disk Drive ที่อยู่บนเมนบอร์ด [Enabled]
Onboard Serial Port 1    กำหนดค่าแอดเดรสและ IRQ ให้ COM1 ค่าปกติคือ 3F8/IRQ4
Onboard Serial Port 2    กำหนดค่าแอดเดรสและ IRQ ให้ COM2 ค่าปกติคือ 2F8/IRQ3
Parallel Port Mode    กำหนดโหมดการทำงานของพอร์ตขนานได้ใน 3 แบบ [EPP&ECP]
- SPP (Standard Parallel Port)    คือโหมดมาตรฐานเหมาะแก่เครื่องพิมพ์รุ่นเก่าๆ
- EPP (Enhanced Parallel Port)    คือโหมด 2 ทิศทางเหมาะแก่เครื่องพิมพ์รุ่นใหม่
- ECP (Extended Cap. Port)    คือโหมดความเร็วสูง เมื่อต่อพ่วงกับ Scanner, Laplink ฯลฯ
ECP MODE USE DMA    คือกำหนด DMA สำหรับ Port ขนานแบบ ECP ซึ่งค่าปกติคือ 3

การตั้งค่าอื่น ๆ

Load BIOS Default Setup
เมื่อกดเลือกที่นี่ BIOS จะทำการตั้งค่าต่าง ๆ ให้เป็นแบบกลาง ๆ สำหรับอุปกรณ์ทั่ว ๆ ไป หรือเป็นการตั้งค่าแบบ Factory Setup ก็ได้

Load BIOS Optimize Setup
เมื่อกดเลือกที่นี่ BIOS จะทำการตั้งค่าต่าง ๆ ของอุปกรณ์ ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

Password Setting
ใช้สำหรับการตั้ง Password เมื่อต้องการจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าต่าง ๆ ใน BIOS หรือเมื่อต้องการจะเปิดเครื่อง โดยปกติเมื่อใส่ Password ระบบจะให้ใส่ Confirm ซ้ำ 2 รอบเพื่อป้องกันการใส่ผิดพลาด (ไม่ใส่อะไรเลย คือการยกเลิก password)

HDD Low Level Format
เป็นเมนูสำหรับทำ Low Level Format ของ Hard Disk ซึ่งใช้สำหรับทำการ Format Hard Disk แบบระดับต่ำสุด ซึ่งถ้าหากไม่มีปัญหาอะไรกับ Hard Disk ก็ไม่จำเป็นต้องทำ

Exit with Save Setting หรือ Exit without Save Setting
เมื่อทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลการตั้งค่าต่าง ๆ ของ BIOS แล้วต้องทำการ Save เก็บไว้ด้วยนะครับ ส่วนใหญ่เมื่อทำการ Save แล้วจะบูทเครื่องใหม่ ค่าต่าง ๆ ที่ตั้งไว้จึงจะใช้งานได้

CPU Setup
นอกจากนี้ ในเมนบอร์ดรุ่นใหม่ ๆ ที่เป็นแบบ Jumper Free (ไม่ใช้ Jumper แต่จะใช้เมนูใน BIOS สำหรับตั้งค่าต่าง ๆ ) จะสามารถตั้งค่าของความเร็ว CPU, ค่า multiple หรือ FSB, ค่าไฟ Vcore และอื่น ๆ อีกแล้วแต่รุ่นของเมนบอร์ดนั้น ๆ


คลิปวิธีการเข้าสู่ BIOS Setup Mode และการตั้งค่าในไบออส(BIOS) ที่ควรทราบเบื้องต้น


เป็นยังไงกันบ้างครับ พอจะเป็นไกด์สำหรับวิธีการเข้าสู่ BIOS Setup Mode และการตั้งค่าในไบออส(BIOS) ที่ในยามจำเป็น ที่เราต้องใช้กันแล้วใช่ไหมครับ

ข้อเด่น(ข้อได้เปรียบ) ข้อด้อย(ข้อเสียเปรียบ) ระหว่าง CPU ของ Intel กับ AMD(มีคลิป)

วันนี้มาดูข้อเด่น(ข้อได้เปรียบ) ข้อด้อย(ข้อเสียเปรียบ) ระหว่าง CPU ของ Intel กับ AMD เปรียบเทียบกันนะครับ


CPU ของ Intel
ฝั่งสายฟ้าฟาดสุดแรง Intel จาก เทคโนโลยีสุดยอดที่สุดในตอนนี้ Quad Core ทำให้กระแสตอบรับของ Intel นั้นพุ่งจนฉุดไม่อยู่แรงกว่า Phenom x4 ของ AMDซะด้วยซ้ำ ทีนี้มาดูข้อดีข้อเสียกันดีกว่า

ข้อเด่น
1. แรง เร็ว ตอบสนองเฉียบ
ไร้ข้อกังขาสำหรับความแรงในตอนนี้ไม่ว่าจะ Core2 หรือ Quad Core แรงด้วยกันทั้งนั้นด้วยข้อนี้ทุกคนจึงชอบ Intel

2. สุดยอดแห่งการตอบรับความต้องการ
ทั้ง Driver และ การแก้ปัญหา ดีในระดับนึงเลยทีเดียว

3. เข้าคู่ดีกับทุกๆผลิตภัณฑ์
ไม่ว่าจะผลิตภัณฑ์หรือโปรแกรมไหนๆ Intel ก็ตอบรับทุกๆอย่าง พร้อมเร่งความสามารถของสิ่งนั้นๆให้สูงกว่าปกติ

ข้อด้อย
1. ความแรงย่อมแลกด้วยทุนทรัพย์
เป็น สิ่งที่คนฐานะปานกลางมิอาจแตะProcesser ความสามารถสูงๆได้เพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ เนื่องจาก Intel นั้นมีบุคลากรจำนวนมากค่าใช้จ่ายก็มากตาม ดังนั้นราคาของจึงเกินความสามารถบ้างในบางรุ่น

2. ลากไม่ไปใช้นานๆแล้วอืด
ข้อ ดีของ intel กลายเป็นผลร้ายไปเสียแล้ว ด้วยการทำงานที่เน้นความเสถียร มันจะส่งผลดีในการทำงานช่วงแรกๆเท่านั้น ผ่านไปนานๆเข้า ความสามารถทุกอย่างเริ่มถดถอยลงทันตาเห็น

3. ปัญหาที่ตามมาเมื่อต้องการ OverClock
ลาก ยากมาก เพราะเสียความเสถียรเมื่อไร intel ก็เหมือนคอมกระป๋องดีๆนี่เอง จะเร็วเป็นจรวดช่วงนึงแล้วมันจะช้าลงจนเหมือนมีอะไรถ่วงไว้ ทำให้ยากต่อการเร่งเครื่อง

CPU ของ AMD 
ยักษ์เขียวจอมพลัง AMD จาก การคิดค้นระบบ Dual Core ให้ intel เห็นถึงความสามารถ จึงทำให้สาวก intel ทั้งหลายนั้น อยู่ๆก็ย้ายข้างกันซะอย่างนั้นก็มี ทีนี้เราก็จะได้รู้ซะที มันมีดีที่ไหน

ข้อเด่น
1. แรงสุดๆ หยุดไม่อยู่
แรงสุดๆในด้านความเร็ว เร็วอย่างเดียวเลยแม้แต่บางโปรแกรมที่ต้องใช้ความเสถียรพี่แกก็เร่งซะจนเหมือนใช้ โปรแกรม Speed ซะอย่างนั้น

2. ข้อเสนอสุดยอดในการเลือกใช้
ด้วยการแจกแจงรุ่นของ Processer จึงทำให้มีทั้ง x2 x3 และ x4 จึงสามารถเลือกได้มากมาย ตอบสนองได้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้

3. ราคาเกินความสามารถ
AMD นั้นสามารถลากแบบเอาเป็นเอาตายได้เลยเพราะมันทำมาเพื่อความแรงอยู่แล้ว จึงทำให้ความเร็วนั้นเร่งได้สูงสุดๆ

ข้อด้อย
1. แรงจนเอาไม่อยู่
บางทีมันแรงเกินความจำเป็น มันเร่งความสามารถของโปรแกรมจนเร็วผิดปกติและ Error ในที่สุด

2. ซื้อไม่นานมันมาอีกแล้ว
AMD ออกรุ่นใหม่เสมอๆ ทำให้ผู้ที่เพิ่งซื้อไปจะรู้สึกว่าตกรุ่นในทันที

3. ลากสนุกมือ OverClock
ถ้าลากจนสนุกเกินไป จะเกิดกลิ่นไหม้ทันทีเมือใช้ไปนานๆ แรงจนไหม้

ต่อไปมาดูคลิปเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงานของ CPU ว่าเราจะเลือกใช้ของค่ายไหนกันดี


ปุ่มฟังก์ชัน(ปุ่ม Fn) บน Keyboard นั้น...สำคัญไฉน?(มีคลิป)

ปุ่มฟังก์ชัน(ปุ่ม Fn) บนคีย์บอร์ดคืออะไร


วันนี้เจอเรื่องปุ่มฟังก์ชัน(ปุ่ม Fn) บนคีย์บอร์ด เห็นว่ามีประโยชน์สำหรับคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊คบ่อยอย่างเราๆ ท่านๆ และถ้าสังเกตปุ่มฟังก์ชันนี้จะมี F1-F12 แต่ละปุ่มก็จะมีสัญลักษณ์แปะไว้ด้านบน ส่วนการทำงานก็จะคล้ายๆกับพวกปุ่มคีย์ลัด หรือ shortcut key นั่นละครับ ซึ่งแต่ละปุ่มฟังก์ชั่น จะใช้งานได้บนหน้าจอ Windows หรือ โปรแกรมที่ Active เปิดอยู่ในขณะนั้น

การใช้งานปุ่มฟังก์ชัน(ปุ่ม Fn) บนคีย์บอร์ด 
ให้กดปุ่ม Fn พร้อมด้วยปุ่ม F ต่าง ๆ บนคีย์บอร์ด แต่มันก็ขี้นอยู่กับคอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊คแต่ละเครื่องด้วย  ซึ่งจะแตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อจะไม่เหมือนกัน

ต่อไปเรามาดูว่าแต่ละปุ่มฟังก์ชั่นทำงานอะไรได้บ้าง

F1
- โดยทั่วไปจะเปิด Help หรือขอความช่วยเหลือโปรแกรมที่เราเปิดใช้งานอยู่ตอนนั้น
- ตั้งค่า CMOS BIOS ในเครื่องบางยี่ห้อ
- ขอความช่วยเหลือในการใช้งาน Windows โดยกดปุ่ม Windows + F1
- Fn+F1 ปิด/เปิดลำโพง(บางรุ่น บางยี่ห้อ)

F2
- ไฮไลท์เพื่ิอเปลี่ยนชื่อไฟล์ โฟลเดอร์บน Windows
- กด Alt + Ctrl + F2 เพื่อเปิดไฟล์เอกสารใน Microsoft Word
- กด Ctrl + F2 เพื่อแสดงหน้าภาพก่อนพิมพ์ใน Microsoft Word
ตั้งค่า CMOS BIOS ในเครื่องบางยี่ห้อ
- Fn+F2 ลดความดังเสียง(บางรุ่น บางยี่ห้อ)

F3
- ค้นหาด่วนบน Windows Desktop/My Computer
- กด Shift + F3 เปลี่ยนตัวพิมพ์เล็ก <---> ตัวพิมพ์ใหญ่
- Fn+F3 เพิ่มความดังเสียง(บางรุ่น บางยี่ห้อ)

F4
- Alt + F4 ปิดทุกโปรแกรมบนที่เปิดอยู่ รวมไปถึง Shutdown Microsoft Windows.
- Ctrl + F4 ปิดทุกโปรแกรมบนที่เปิดอยู่ใน Microsoft Windows.
- Fn+F4 ปิด/เปิดไมโครโฟน(บางรุ่น บางยี่ห้อ)

F5
- Refresh/Reload หน้า Windows Desktop/My Computer/หน้าเว็บเพจใน Web Browser
- Ctrl + F5 บังคับ Refresh/Reload หน้าเว็บเพจใน Web Browser โดยเคลียร์ cache ที่โหลดมาก่อนหน้านั้น
- เปิดการนำเสนอใน Microsoft PowerPoint
- กด Fn + F5 เปิดใช้งาน Num Lock(บางรุ่น บางยี่ห้อ)

F6
- ย้ายเคอร์เซอร์(ตัวกระพริบ) ไปอยู่ที่ Address bar ของWeb Browser
- กด Fn + F6 เปิดใช้งาน Scroll Lock(บางรุ่น บางยี่ห้อ)

F7
- ตรวจไวยากรณ์ สะกดคำ ใน Microsoft Word
- เปิดใช้งาน Caret browsing ใน Firefox

F8
- สำหรับ Boot เข้า Safe Mode ใน Windows
- Fn+F8 เชื่อมต่อ แสดงผลออก Projector(บางรุ่น บางยี่ห้อ)

F9
- Fn+F9 เปิดหน้าค้นหา Windows/Browser ค้นหาข้อมูล(บางรุ่น บางยี่ห้อ)

F10
- Activate menu bar ใน Microsoft Word
- Shift+F10 เปิดเมนูคลิกเม้าส์ขวา
- Fn+F10 เปิดไฟให้กับปุ่มคีย์บอร์ด(บางรุ่น บางยี่ห้อ)
- ตั้งค่า CMOS BIOS ในเครื่องบางยี่ห้อ

F11
- แสดง/ยกเลิกหน้าจอ Web Browser แบบเต็มจอ
- Fn+F11 ลดความสว่างของหน้าจอ(บางรุ่น บางยี่ห้อ)


F12
- บันทึกเอกสาร Microsoft Word
- Ctrl + F12 เปิดเอกสาร Microsoft Word
- Shift + F12 บันทึกเอกสาร Microsoft Word (เหมือนกับ Ctrl + S)
- Ctrl + Shift + F12 แสดงหน้าภาพก่อนพิมพ์ใน Microsoft Word
- เปิดโหมด browser debug tool ใน Web Browser
- Fn+F12 เพิ่มความสว่างของหน้าจอ(บางรุ่น บางยี่ห้อ)

และปุ่มฟังก์ชั่นในบางรุ่น บางยี่ห้อ สามารถใช้
- กด Fn + F2 เลือกโหมดประหยัดพลังงาน
- กด Fn + F4 ปิดเสียงลำโพง
- กด Fn + F5 สลับหน้าจอแสดงออกไปยังมอนิเตอร์ภายนอก
- กด Fn + F10 เปิดใช้งาน Scroll Lock
- กด Fn + F11 เปิดใช้งาน Num Lock

บางรุ่น บางยี่ห้อ ก็สามารถใช้
- กด Fn+F8 เป็นเปิดปิดลำโพง
- กด Fn+Home = ปุ่ม play/pause
- กด Fn+Pgup = ปุ่ม stop
- กด Fn+Pgdown = ปุ่ม preview
- กด Fn+End  =ปุ่ม Next

คลิปแสดงการใช้งานปุ่มฟังก์ชัน(ปุ่ม Fn) บน Keyboard


ยังไงลองดูสัญลักษณ์ที่แสดงอยู่บนปุ่ม F1-F12 ดูนะครับ ว่ามันหมายถึงอะไร และลองกดใช้งานดูครับ หวังว่าบทความนี้ พอจะช่วยเป้นไกด์ในการใช้งานปุ่มฟังก์ชัน(ปุ่ม Fn) บนคีย์บอร์ดสำหรับคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊คที่คุณใช้งานอยู่นะครับ :)

ไฟล์นามสกุล .bin หรือ .iso คืออะไร เปิดใช้งานได้อย่างไร?

เคยไหมครับ เวลาที่เราดาวน์โหลดไฟล์มาจากอินเตอร์เน็ต แล้วชื่อไฟล์บอกว่าเป็นไฟล์ภาพยนตร์ แต่ไม่สามารถเปิดดูได้ด้วยโปรแกรม Windows Media Player สังเกตเห็นว่าเป็นไฟล์ นามสกุล .bin ไม่ทราบว่าจะเปิดได้อย่างไร

.bin .iso ไฟล์คืออะไร


.bin ไฟล์ คือ Image ไฟล์ของ CD/DVD เป็นการ copy ข้อมูลจากแผ่น CD/DVD ออกมาทั้งหมด ไม่ใช่แค่ข้อมูลจากแผ่น CD/DVD เท่านั้น แต่จะเก็บรายละเอียดข้อมูลของแผ่นในส่วนลึก ในลักษณะของ sector by sector เลยทีเดียว

การเปิดใช้งานไฟล์ .bin

เราสามารถหาโปรแกรมมาเปิดได้โดยตรง หรือหาโปรแกรมช่วยในการเปิดไฟล์ .bin โดยเฉพาะ เช่น Magic ISO Maker หรืออาจใช้โปรแกรมประเภทที่ทำ CD หลอกขึ้นมา Virtual CD แล้วทำการเปิดไฟล์ที่อยู่ภายในนั้นๆ ได้เช่นกัน ได้แก่ โปรแกรม DAEMON TOOLS เป็นต้น

ส่วนไฟล์นามสกุล .iso เป็นไฟล์ที่ถูกใช้ในรูปแบบของการบีบอัดข้อมูล คล้ายๆกับซิปไฟล์ ซึ่ง ในหลักการเดียวกัน .iso ก็ไม่แตกต่างจาก .bin ไฟล์ เราสามารถใช้โปรแกรมช่วยในการเปิดไฟล์ได้เช่นกัน หรือจะใช้โปรแกรม PowerISO, NERO หรือ Winrar เวอร์ชั่นใหม่ๆ ช่วยในการเปิดไฟล์หรือบันทึกไฟล์กลับมาดังเดิมได้ และลิงค์ดาวน์โหลดโปรแกรมต่างๆที่กล่าวถึง อยู่ด้านล่างนี้เลยครับ

ดาวน์โหลดโปรแกรม PowerISO
ดาวน์โหลดโปรแกรม DAEMON TOOLS

หรือลองดูวิธีใช้งานโปรแกรมDAEMON TOOLS ได้ตามคลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลยครับ

วิธีการใช้งาน Hijack This เครื่องมือช่วยดู Adware Spyware Malware แฝงตัวในเครื่อง

อาจจะเก่าไปหน่อยนะครับ แต่เห็นว่ามีประโยชน์ และหลายๆท่านอาจจะยังไม่ทราบวิธีใช้ที่ถูกต้อง
งั้นก็ขอโพสเอาไว้ให้รำคาญสายตาเล่นๆซักหน่อยละกันนะ

โปรแกรมHijack This คืออะไร

โปรแกรมHijack This ก็คือโปรแกรมที่ใช้จัดการกับ Adware Spyware Malware ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งโปรแกรมนี้เป็นที่ยอมรับว่า ยอดเยี่ยมในการตรวจหาและซ่อมแซม Windows ที่เสียหายจากการที่ถูกAdware Spyware Malware ฝังตัวอยู่


วิธีใช้โปรแกรมHijack This

1. ดาวน์โหลดโปรแกรม Hijack This มาไว้ที่เครื่อง (ลิงค์ดาวน์โหลดโปรแกรมอยู่ด้านล่าง)

2. จากนั้นก็ทำการแตกไฟล์ แล้วดับเบิ้ลคลิกที่ HijackThis.exe เลยครับ
เมื่อเปิดโปรแกรมออกมาแล้วก็คลิกที่ Do a system scan and save a logfile


3. เมื่อสแกนเสร็จ ก็จะมีหน้าต่างโชว์ไฟล์ระบบขึ้นมา แต่ยังไม่ต้องทำอะไรครับ
เพราะเราไม่รู้ว่า ไฟล์ตัวไหนที่มีปัญหากันแน่


4. แต่ให้มาดูที่ Logfile ให้ทำการ Save ไว้ในเครื่อง หรือ ก็อปปี้ข้อความทังหมดเอาไว้


5. จากนั้นก็เข้าไปที่ เว็บ http://hijackthis.de/en นี้ เพื่อทำการวิเคราะห์ Logfile


6. เมื่อทำการวิเคราะห์แล้ว ผลที่ได้ก็จะแจ้งกลับมาทางด้านล่าง ประมาณนี้



ถ้ารายการไหนเป็น Safe คือรายการที่ปลอดภัย ไม่มีปัญหา


ถ้ารายการไหนเป็น Unknown คือรายการที่ไม่ทราบแน่ชัด


ถ้ารายการไหนเป็น Nasty คือรายการที่เป็นปัญหา (ต้องทำการ Fix)


ถ้ารายการไหนเป็น Possibly nasty คือรายการที่อาจจะเป็นปัญหา ต้องดูอีกทีว่าเป็นไฟล์อะไร


7. จากนั้นก็ให้กลับไปทำเครื่องหมายหน้ารายการที่เป็น Nasty แล้วคลิก Fix checked ก็เรียบร้อย

เอาล่ะ หวังว่าคงพอจะเป็นแนวทาง ลองนำวิธีการใช้งาน Hijack This เครื่องมือช่วยดู Adware Spyware Malware แฝงตัวในเครื่อง ไปใช้กันดูนะครับ

ดาวน์โหลดโปรแกรม Hijack This
(ลิงค์หลัก)
ดาวน์โลดโปรแกรม Hijack This

(ลิงค์รอง)
ดาวน์โลดโปรแกรม Hijack This 

วิดีโอแสดงการใช้งานโปรแกรม Hijack This


Process Explorer สุดยอดโปรแกรมตรวจสอบ Process ที่กำลังรัน Background ในเครื่อง


    วันนี้ เครื่องผมมีอาการแปลกๆครับ คือเวลาเข้าเว็บต่างๆ ดูเหมือนว่าจะคลิกดูต่อๆไปไม่ได้ ลองไปดูที่ About ของ IE ก็ปรากฏว่าตัวเลขแสดงเวอร์ชั่นต่างๆหายหมด อ้าว...ส่อแวว

    จะ ลองไปดูหน่อยว่ามีโปรแกรมอะไรแอบมาติดตั้งเพิ่มเข้ามารึเปล่า พอไปคลิกที่ ControlPanel ก็ยังเข้าได้อยู่ แต่พอไปที่ Add/Remove... กลับแสดงหน้าจอขาวโล่งออกมา...ซวยแล้ว

    วิธี แรกๆที่จะพอดูได้ ว่ามีโปรแกรมอะไรแอบทำงานอยู่หรือเปล่า ก็ด้วยการกด Ctrl+Alt+Del ก็ลองไล่รายชื่อไปเรื่อยๆ อ่าาาา...เจอเข้าแล้วครับ มันชื่อว่า update.exe ซึ่งผมจำได้ว่า ผมไม่ได้ไปตั้งอัพเดทอะไรที่ใหนแน่ๆ

    สงสัย จะมาแอบตั้งค่าเรียกใช้ตอนเริ่มต้นแน่ๆ ก็ลองเข้าไปที่ Start/Run พิมพ์ msconfig แล้ว enter เข้าไป เอ...ก็ไม่มีแฮะ...บ่งบอกว่าเจ้าตัวนี้แอบเข้ามาได้อย่างแนบเนียนทีเดียว

    เอาไงดี...คิดไปคิดมา อ่อ...นึกได้ว่ามีโปรแกรมเด็ดๆอยู่อีกตัวนึงครับ ผมไปดาวน์โหลดมาจาก Sysinternals Process Explorer ครับผม

    ตาม ไปดูตามลิ้งก์นี้นะครับ จะมีข้อมูลภาษาอังกฤษไว้พอสมควร ส่วนลิ้งก์สำหรับดาวน์โหลดจะอยู่บริเวณล่างๆครับ ถ้าคอมทั่วๆไปก็จะเป็น 32bit ส่วนใครเล่นของใหม่แล้ว ถ้าแน่ใจก็เอา 64bit ไปลอง หรือจะรุ่นแรกๆ 98/ME เขาก็เตรียมไว้ให้เช่นกัน เลือกให้ถูกนะครับ

    หลังจากดาวน์โหลดมาแล้ว ก็จัดการติดตั้งเหมือนโปรแกรมทั่วๆไปนั่นละครับ พูดไปก็ไล้ฟ์บอย มาดูหน้าตากันสักหน่อย



    มอง จากด้านซ้ายมือนะครับ จะเห็นชื่อไฟล์ต่างๆที่กำลังรัน ตรงหน้าชื่อแต่ละไฟล์นั้น ถ้ามีเครื่องหมาย + แสดงว่ามีไฟล์ย่อยๆอยู่ในกลุ่มอีกนะครับ

    จุดสังเกตว่าไฟล์อะไร กำลังทำงานอย่างขมักเขม้น ก็คือตัวเลข % ในคอลัมค์ CPU นั่นเองครับ ซึ่งหมายความได้ว่า ขณะนี้ไฟล์หรือโปรแกรมนั้นๆ กำลังเขมือบแรงซีพียูไปประมาณกี่เปอร์เซ็น

    ถ้าว่างๆปกติที่ไม่ได้รันอะไรไว้ละก็ บรรทัดบนสุด คือ System Idle Process จะต้อง % มากๆเข้าไว้ ซึ่งบรรทัดนี้จะเป็นสัดส่วนกับบรรทัดล่างๆ คือถ้ามีโปรแกรมอื่นทำงานมาก Idle ก็จะว่างน้อย(อันนี้ไม่ค่อยดี) หรือบรรทัดอื่นๆทำงานน้อย Idle ก็จะว่างมาก(อันนี้ดี)

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องดูว่า ในขณะที่เรียกโปรแกรม ProcessExplorer นี้ เราได้เปิดโปรแกรมอะไรไว้อีกหรือเปล่า ก็สามารถพิจารณาได้จากชื่อที่เห็นนี่ละครับ

    แต่บางที ชื่อก็ไม่ได้สื่อความหมายอะไรมากนัก อันนี้ง่ายๆครับ คือให้เอาเม้าส์ไปลอยไว้เหนือชื่อไฟล์ที่สงสัย อย่างเช่นในรูป ผมไปชี้ที่ไฟล์ vmount2.exe ก็จะมีกรอบรายงานขึ้นมาว่า C:\Program Files\Common Files\Vmware\Vmware Virtual Image Editing\vmount2.exe ซึ่งจากชื่อไฟล์และชื่อโฟลเดอร์นี้ ก็พอจะรู้ได้ว่า เป็นไฟล์ของโปรแกรม VMware ที่ผมติดตั้งเอาไว้ครับ

    ถ้า เรารู้ที่มาที่ไปอย่างเช่นไฟล์ข้างบนนี้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามันแปลกๆ โปรแกรม Process Explorer ก็เตรียมคำสั่งไว้ให้เราใช้ค้นหารายละเอียดของไฟล์ ดังรูปข้างล่างนี้ครับ



    พอผมคลิกเม้าส์ขวาที่ ชื่อไฟล์ จะมีเมนูขึ้นมา เมนูสุดท้ายคือ google ซึ่งก็จะเอาชื่อไฟล์ตรงนี้ ไปเป็นคำค้นใน google ก็จะได้รายละเอียดของไฟล์ออกมาเลย อย่างเช่นไฟล์ vmount2.exe ตัวนี้ พอค้นด้วย google ก็จะเข้าไปยังเว็บของ Vmware ซึ่งก็จะรู้ต้นสายปลายเหตุได้ว่ามาจากใหนครับ



    แต่ หากค้นแล้ว พบว่าเป็นพวกไวรัส หรือสปายแวร์ต่างๆ ก็สามารถเลือกเมนู Kill Process เพื่อหยุดการทำงานของมันได้เลย จากนั้นก็ตามเข้าไปลบในโฟลเดอร์ ที่อ่านได้จากการลอยเม้าส์ในข้างต้นนั่นเอง ครับ

    แต่ต้องระวังไฟล์เหล่านี้ คือ SMSS, CSRSS, SVCHOST เพราะว่านี่เป็นไฟล์ที่ใช้ในระบบวินโดวส์ แต่พวกโปรแกรมกันก็อปปี้วีซีดีจะเอาชื่อเหล่านี้ไปใช้ ทำให้เครื่องเราอืดหรือเพี้ยนๆไป ปกติไฟล์เหล่านี้จะทำงานให้เห็นเป็น % ที่น้อยมากๆครับ แต่ถ้าพบว่ามันกำลังกิน % อย่างกระฉูดละก็ ต้องจัดการด้ววิธีอื่นครับ วันหลังจะหามาฝากกันต่อไปครับ

    พอดีว่า วันนี้ผมฆ่าเจ้าตัวที่แอบเข้าเครื่องผมไปซะแล้ว เดี๋ยววันหลังถ้าเจอใหม่ ผมจะเอาข้อมูลมาอัพเดทให้ดูกันอีกทีครับ (ผมซอกแซกไปตามที่ต่างๆบ่อยครั้ง รับรองว่าต้องได้อะไรแปลกๆมาอีกแน่)

ดาวน์โหลดโปรแกรมProcess Explorer

ลองดาวน์โหลดโปรแกรมProcess Explorer สุดยอดโปรแกรมตรวจสอบ Process ที่กำลังรัน Background ในเครื่อง ไปใช้กันดูนะครับ :)

วิธีแปลงไฟล์ xlsx เป็น xls, docx เป็น doc รวมถึงแปลงไฟล์ชนิดอื่นๆได้ครอบจักรวาล (free online file conversion)


วันนี้ ผมจะมาแนะนำเครื่องมือและเว็บสำหรับแปลงไฟล์ xlsx (ไฟล์ excel 2007) ไปเป็นไฟล์ xls (ไฟล์ excel 2003 หรือต่ำกว่า) ออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ต ผ่านเว็บได้โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม และเครื่องมือและเว็บไซต์สำหรับแปลงไฟล์ xlsx เป็น xls ออนไลน์ที่จะแนะนำก็คือเว็บ Zamzar

เว็บ Zamzar คืออะไร


เว็บ Zamzar เป็นเว็บที่ให้บริการ free online file conversion แปลงไฟล์ผ่านอินเตอร์เน็ตฟรี มีคุณสมบัติและฟีเจอร์ดังต่อไปนี้

    * สามารถแปลงไฟล์ได้จากurl(ไฟล์ที่เก็บไว้บน server) หรือจากเครื่องได้ ซึ่งรองรับไฟล์ขนาดสูงสุดได้ 100 MB หรือถ้าต้องการขนาดไฟล์ที่สูงกว่านี้ก็สามารถรองรับได้ แต่ก็เสียตังค์ค่าใช้บริการเอง ซึ่งสามารถดูรายละเอียดได้ที่หน้าลงทะเบียน register
    * สามารถรองรับการแปลงไฟล์ที่เป็นไฟล์รูปภาพ, ไฟล์เอกสาร,ไฟล์เพลง, ไฟล์วิดีโอ และซิปไฟล์ หรือไฟล์บีบอัด และอื่นๆ
    * สามารถรองรับการดาวน์โหลดไฟล์ที่เป็นไฟล์รูปภาพ, ไฟล์เอกสาร,ไฟล์เพลง, ไฟล์วิดีโอ และซิปไฟล์ หรือไฟล์บีบอัด และอื่นๆ จากเว็บลิงก์หรือ url ที่ระบุลงไปได้ เช่น จาก youtube.com เป็นต้น
    * และความสามารถอื่นๆอีก ซึ่งสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมตามลิงก์เว็บ Zamzar ที่ให้ไว้ข้างต้น



Zamzar supports over 1200 different conversions - Video Converter, Audio Converter, Music Converter, eBook Converter, Image Converter, CAD Converter - THE multipurpose converter

Popular Conversions Supported

PDF to Word | PDF to Excel | FLAC to MP3 | DOC to PDF | EPUB to PDF | MP4 to MP3 | PDF to DOC | WAV to MP3 | MKV to MP4 | DJVU to PDF | JPG to Word | XPS to PDF | FLV to MP3 | MOV to MP4 | Excel to PDF | PNG to PDF | PDF to JPG | DOCX to PDF | EPUB to MOBI | MP3 to WAV | MP4 to GIF | PPT to PDF | Excel to PDF | PNG to JPG | PDF to DWG | PDF to DOCX | JPG to GIF | JPG to PNG | FLV to MP4 | Word to PDF


Popular Types of Conversions Supported

MP3 Converter | MP4 Converter | 3GP Converter | FLAC Converter | WAV Converter | AVI Converter | MPG Converter | MOV Converter | MKV Converter | DOCX Converter | PDF Converter | JPG Converter | FLV Converter | VOB Converter | Music Converter | Audio Converter | Video Converter | Image Converter | eBook Converter

ส่วนวิธีการใช้งานแปลงไฟล์ผ่านเว็บฟรีกับเว็บ Zamzar นั้น มีวิธีการใช้งานง่ายๆแค่ 4 ขั้นตอนเท่านั้น ได้แก่

    * เลือกไฟล์ที่ต้องการแปลงจากในเครื่องหรือระบุ url ลงที่เก็บไฟล์ไว้
    * จากนั้นก็เลือกชนิด นามสกุลไฟล์ที่ต้องการแปลงไฟล์
    * ระบุอีเมล์เพื่อให้ Zamzar ส่งลิงก์หรือ url สำหรับดาวน์โหลดไฟล์ที่แปลงไฟล์เป็น format ที่ต้องการแล้ว (แต่ถ้าสมัครเสียค่าบริการการใช้งาน สามารถมีพื้นที่เก็บข้อมูล online storage ได้)
    * จากนั้นก็ Convert แปลงไฟล์ได้เลยครับ เมื่อแปลงเสร็จก็เข้าไปเช็คเมล์ และดาวน์โหลดไฟล์ที่แปลงเสร็จแล้ว ได้เล้ยย

ลองเข้าไปใช้บริการกันดูนะครับ แหล่ม!

ปี๊บๆ Beep Beep ! เสียง Error Code สัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาเครื่องคอมฯ


คุณเคยสังเกตุหรือเปล่าว่า ในขณะที่คุณเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ คุณจะได้ยินเสียงสัญญาณดังหนึ่งครั้งก่อน จากนั้นก็จะมีรายละเอียดเป็นตัวอักษรแสดงบนหน้าจอ แต่ถ้าวันดีคืนดีมีเสียง Beep ดังมากกว่าหนึ่งครั้ง หรือมีตัวเลขที่หน้าจอ แล้วไม่สามารถเข้า Windows เพื่อทำงานได้ คุณทราบหรือไม่ว่าปัญหาเหล่านี้เกิดจากอะไร

POST คืออะไร


ทุกครั้งที่คุณเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ การทำงานจะเริ่มจาก POST (Power-On Self Test) ซึ่งเป็นการตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ก่อนเข้าทำงาน เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์แต่ละชิ้นสามารถทำงานได้ตามปกติ แต่ถ้ามีปัญหา ระบบจะแจ้งความผิดพลาดออกมา ซึ่งปกติแล้วตัวเลขแสดงความผิดพลาด จะขึ้นกับ Main Board ของคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง แต่โดยทั่วไปจะมีรหัสแจ้งความผิดพลาดดังนี้...

สัญญาณตัวเลขแสดงความผิดพลาด

รหัสความผิดพลาด   ตัวต้นเหตุของปัญหา
101 - 199   Master Board หรือ Main Board
201 - 299   RAM
301 - 399   Keyboard
401 - 499   Monochorme card
501 - 599   CGA card
601 - 699   Floppy drive
701 - 799   Math Co
901 - 999   Printer port
1101 - 1199   Serial port
1301 - 1399   Game control Adapter
1401 - 1499   Printer
1701 - 1799   Hard drive
2401- 2499   EGA/VGA

สัญญาณเสียงแสดงความผิดพลาด

นอกจากตัวเลขแสดงความผิดพลาดแล้ว อาจมีสัญญาณเสียงแสดงความผิดพลาดด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ก็ขึ้นกับ Main Board แต่ละรุ่นเช่นเดียวกัน แต่สำหรับรหัสเสียงสัญญาณแสดงความผิดพลาดพื้นฐาน ได้แก่

จำนวนเสียงสัญญาณ   ตัวต้นเหตุของปัญหา
1 เสียงสั้น   Successful POST
2 เสียงสั้น   Initialization error, DMA, Floppy Disk Drive, Serial, Parial
1 เสียงยาว, 1 เสียงสั้น   Main Board
1 เสียงยาว, 2 เสียงสั้น   VGA or Video Memory
1 เสียงยาว, 3 เสียงสั้น   VGA card
ไม่มีเสียง   Power Supply, MainBoard

เทคนิควิเคราะห์อาการเสียจากไบออส Award

     สำหรับเมนบอร์ดที่ใช้ไบออสยี่ห้อ Award นี้สัญญาณ เสียง Beep Code จะฟังค่อนข้างง่ายไม่ซับซ้อนเหมือนไบออสยี่ห้ออื่น โดยเสียงที่ได้ยินจะเป็นเสียง " ปี๊บ" สั้นและยาวสลับกันซึ่งเราจะสังเกตอาการเสียได้จากจำนวนครั้งในการส่งเสียง ร้องเตือน โดยมีจังหวะดังนี้

จังหวะ เสียง   ความหมาย
เสียงดัง 1 ครั้ง      แสดงว่าขั้นตอนการบูต เครื่องหรือขั้นตอน Post เป็นปกติ
เสียงดัง 2 ครั้ง      แสดงว่ามีปัญหาในส่วน ของแรม เช่น เสียบไม่แน่นหรือแรมเสียทำให้บูตเครื่องไม่ผ่าน ควรตรวจสอบแรม
เสียงดัง 3 ครั้ง      แสดงว่ามีปัญหาในส่วน ของแรม เช่น เสียบไม่แน่นหรือแรมเสียทำให้บูตเครื่องไม่ผ่าน ควรตรวจสอบแรม
เสียงดังต่อเนื่อง   แสดงว่ามีปัญหาในส่วน ของแหล่งจ่ายไฟ เช่น เพาเวอร์ซัพพลาย หรือเมนบอร์ดอาจมีปัญหา ให้ตรวจสอบ เพาเวอร์ซัพพลาย และเมนบอร์ด
เสียงดังถี่ ๆ   แสดงว่ามีปัญหาในส่วน เมนบอร์ดให้ตรวจสอบสายสัญญาณต่าง ๆ และตัวเมนบอร์ด
เสียงดัง 6 ครั้ง      แสดงว่ามีปัญหาในส่วน ของคีย์บอร์ด ให้ตรวจสอบคีย์บอร์ด
เสียงดัง 7 ครั้ง      แสดงว่ามีปัญหาในส่วน ของซีพียู อาจต้องเปลี่ยนซีพียูใหม่
เสียงดัง 8 ครั้ง      แสดงว่ามีปัญหาในส่วน ของการ์ดแสดงผล ( VGA ) ตรวจสอบการ์ดแสดงผลว่าเสียบแน่นดีหรือไม่ หากยังไม่ได้ผลอาจต้องเปลี่ยนการ์ดแสดงผลใหม่
เสียงดังยาว 1 สั้น 2      แสดงว่ามีปัญหาในส่วน ของการ์ดแสดงผล ( VGA ) ตรวจสอบการ์ดแสดงผลว่าเสียบแน่นดีหรือไม่ หากยังไม่ได้ผลอาจต้องเปลี่ยนการ์ดแสดงผลใหม่
เสียงดัง 9 ครั้ง    แสดงว่ามีปัญหาในส่วน ของไบออส อาจต้องเปลี่ยนไบออสใหม่
เสียงดัง 10 ครั้ง    แสดงว่ามีปัญหาในส่วน ของการเขียน CMOS อาจต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่
เสียงดัง 11 ครั้ง    แสดงว่ามีปัญหาในส่วนใน ส่วนของหน่วยความจำแคช ควรตรวจสอบแคชภายนอกบนเมนบอร์ด
ไม่มีเสียง    แสดงว่ามีปัญหาในส่วน ของ เพาเวอร์ซัพพลาย, เมนบอร์ด หรือซีพียู รวมถึงสายสัญญาณ และสายไฟต่าง ๆ

เทคนิควิเคราะห์อาการเสียจากไบออส AMI

เสียงดัง 2 ครั้ง
สาเหตุ : เกิดจากหน่วยความจำส่วนแรกสุด (64 KB) มีปัญหา ทำให้ตรวจสอบพาริตี้ (Parity) ไม่ผ่าน
วิธีแก้ไข :นำแรมมาทำความสะอาดด้วยการนำยางลบดินสอมาลงที่แผ่นวงจรด้านล่างของแรม แล้วเสียบกลับลงเมนบอร์ด

เสียงดัง 8 ครั้ง
สาเหตุ : หน่วยความจำบนการ์ดจอมีปัญหา (การ์ดจอเสีย) หรือการ์ดจอเสียบไม่แน่น หน้าสัมผัสสกปรก
วิธีแก้ไข : เบื้องต้นให้ถอดการ์ดจอออกมาทำความสะอาดที่หน้าสัมผัส โดยใช้ยางลบดินสอลบตรงหน้าสัมผัสให้สะอาด แล้วเสียบเข้าเมนบอร์ดอีกครั้ง หากใช้งานไม่ได้อีกก็แปลว่าการ์ดจอเสีย

เสียงดัง 9 ครั้ง
สาเหตุ : เกิดจากไบออสมีปัญหา
วิธีแก้ไข : หากคุณมีความชำนาญในการแฟลชไบออสเองก็ให้แฟลชไบออส โดยไปดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ของผู้ผลิตได้ทันที แต่ขอแนะนำว่า ควรนำไปที่ร้านจะดีกว่านะครับ

เทคนิควิเคราะห์อาการเสียจากไบออส Phoenix

เสียงดัง 1-1-4
สาเหตุ : เกิดจากไบออสมีปัญหา
วิธีแก้ไข : แนะนำให้แฟลชไบออส แต่ถ้าทำไม่เป็นแนะนำว่า ให้ยกไปที่ร้านซ่อมจะดีกว่าครับ

เสียง 1-2-2 หรือ 1-2-3 หรือ 1-3-1
สาเหตุ : เกิดจากการทำงานของเมนบอร์ดมีปัญหา หรือเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ไข : ส่งเคลมประกันจะดีกว่า

เสียง 1-3-3 หรือ 1-4-2
สาเหตุ : หน่วยความจำ หรือแรม มีปัญหา
วิธีแก้ไข : นำแรมมาทำความสะอาดหน้าสัมผัส โดยใช้ยางลบดินสอลบที่หน้าสัมผัส

เสียง 3-3-4 หรือ 3-4-0 หรือ 3-4-2
สาเหตุ : การ์ดจอมีปัญหา หรือการ์ดจอเสียบไม่แน่น หรือหน้าสัมผัสสกปรก
วิธีแก้ไข : ในเบื้องต้นเปิดเคสคอมพิวเตอร์ออกมาแล้วถอดการ์ดจอออกมาทำความสะอาด แล้วเสียบกลับลงไปให้แน่น อย่าลืมไขน็อตให้แน่นด้วยนะครับ หากทำแล้วก็ยังได้ยินเสียงเดิมอยู่ก็แปลว่า การ์ดจอเสียแล้วครับผม

เสียง 4-3-4
สาเหตุ : แบตเตอรี่ไบออสบนเมนบอร์ดหมด ทำให้ไม่สามารถตั้งเวลาได้
วิธีแก้ไข : เปลี่ยนแบตเตอรี่เมนบอร์ด ซึ่งมีลักษณะเป็นถ่านแบบกระดุม โดยนำตัวอย่างไม่ซื้อได้นะครับ

หมายเหตุ : Main Board, Master Board, System Board มีความหมายอย่างเดียวกัน

ยังไง หากเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว ได้ยินเสียงไบออส POST ร้องก็ลองอ่านบทความนี้ไปตรวจสอบ เพื่อหาวิธีแก้กันต่อไปนะครับ :)

Safe Mode คืออะไร? จะ Boot เข้า Safe Mode ใน Windows ต้องทำได้อย่างไร?

Safe Mode คืออะไร?


Safe Mode อาจจะเรียกหรือรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า Diagnostic Mode เป็นโหมดการทำงานอย่างหนึ่งของระบบปฏิบัติการ ยกตัวอย่างเช่น Microsoft Windows, Mac OS X ซึ่งถ้าหากว่าเราไม่สามารถ Boot เข้าสู่ Normal Mode หรือโหมดการทำงานปกติของระบบปฏิบัติการ หรือเิิกปัญหาขึ้นอย่างใดอย่างหนึ่ง ทำให้ไม่สามารถ Boot เข้าสู่ Normal Mode ได้ Safe Mode เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการเข้าไปตรวจสอบ แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบปฏิบัติการในเครื่องของเรา ทั้งนี้ใน Safe Mode นั้นฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆจะถูกลดหรือปิดการทำงานออกไปบางตัว แต่ฟังก์ชั่นการทำงานหลักๆ และเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับการตรวจสอบ แก้ไขปัญหายังสามารถใช้ได้ตามปกติ

แล้วเราจะ Boot เข้า Safe Mode ใน Windows ได้อย่างไร?

ขั้นตอนในการ Boot เข้า Safe Mode ใน Windows

เข้า Safe Mode ใน Windows XP ด้วยการกดปุ่ม F8

1.รีบูตเครื่องคอมฯ

2.ในขณะที่เครื่องกำลังบูตผ่านหน้าจอ Bios ที่แสดงการทำงานของหน่วยความจำ ให้คุณกดปุ่ม F8 ไปเรื่อยๆ จนเข้าหน้าจอ Windows Advance Option Menu

3.ที่หน้าจอ Windows Advance Option Menu ให้เลือกการบู๊ตแบบ Safe Mode


เข้า Safe Mode ใน Windows 98/ME ด้วยการกดปุ่ม F8

วิธีการก็เหมือนๆ กัน นั่นคือ ทำตามขั้นตอนในข้อ 1-2 จากข้างต้น แต่หน้าตาจะไม่เหมือนกัน แต่การเลือกก็ให้เลือกหัวข้อ Safe Mode เหมือนกัน


หาก คุณไม่ต้องการที่จะบู๊ตวินโดว์ส เข้า Safe Mode หรือพยายามแล้วก็กดปุ่ม <F8> ไม่ได้สักที ผมมีวิธีการบู๊ตแบบอื่น ซึ่งขั้นตอนจะมากหน่อย แต่รับรองชัวส์ไว้ใจได้ครับ


การบู๊ตแบบธรรมดาไม่เข้า Safe Mode แต่เหมือน Safe Mode ใน Windows XP

1. คลิกที่ Start > Run แล้วพิมพ์คำว่า msconfig คลิก OK

2.เมื่อหน้าต่าง System Configuration Utility แล้วไปที่แท็บ General เลือกติ๊กที่ Selective Startup จากนั้นติ๊กเอาเครื่องถูกจาก Process SYSTEM.INI File ,Process WIN.INI File และ Load Startup Items ออก


3. จากนั้นไปที่แท็บ Service ให้ติ๊กเครื่องหมายถูกที่ Hide All Microsoft Services แล้วคลิกที่ Disable All


4.คลิก OK เสร็จแล้วก็บู๊ตเครื่องใหม่ได้

เมื่อบู๊ตวินโดว์สขึ้นมาอีกครั้งคุณก็สามารถทำการตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้แล้ว เมื่อทำเสร็จ ให้คุณเข้าไปที่ msconfig อีกครั้ง ไปที่แท็บ General ให้ติ๊กที่ Normal Startup คลิกปุ่ม OK แล้วบู๊ตเครื่องอีกครั้ง


ในส่วนนี้จะเป็นการบู๊ตเข้า Safe Mode โดยตรงไม่ต้องกด F8

เข้า Safe Mode ใน Windows XP โดยไม่ต้องกดปุ่ม F8

1.ปิดทุกโปรแกรมให้หมด

2.คลิกที่ Start > Run พิมพ์คำว่า msconfig คลิก OK

3.เมื่อเปิด System Configuration Utility แล้ว ให้ไปที่แท็บ BOOT.INI ติ๊กทำเครื่องหมายถูกที่ /SAFEBOOT คลิก Apply

4.คลิก OK บู๊ตเครื่องใหม่


เครื่องจะเข้า Safe Mode ทันทีไม่ต้องกด <F8> ทำการตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาต่างๆ เสร็จแล้ว ก็ให้เปิด msconfig อีกครั้ง โดยทำตามข้อ 1-4 แต่ในข้อ 3 ให้คุณเอาเครื่องหมายถูกที่ /SAFEBOOT ออก


เข้า Safe Mode ใน 98/ME โดยไม่ต้องกดปุ่ม F8

1.ปิดทุกโปรแกรมให้หมด

2.คลิกที่ Start > Run พิมพ์คำว่า msconfig คลิก OK

3.ไปที่แท็บ General คลิกที่ Advanced

4.ที่หน้าต่าง Advance Troubleshooting Setting ให้เลือกที่ Enable Startup Menu แล้วคลิก OK เพื่อบังคับให้วินโดว์สแสดงเมนูบู๊ตเพื่อเข้า Safe Mode

เมื่อทำการตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาต่างๆ เสร็จแล้ว ก็แก้การบู๊ตกลับคืน ก็ให้ทำตามข้อ 1-4 อีกครั้ง แต่ขั้นตอนที่ 4 ให้เอาเครื่องถูกที่ Enable Startup Menu ออก ดังรูป


ส่วน Windows เวอร์ชั่นใหม่ๆขึ้นมา เช่น Windows Vista, 7, 8, 8.1, 10 ก็จะมีวิธีการทำครล้ายๆกับการเข้า Safe Mode ใน Windows XP นะครับ

เป็นไงบ้างครับ หวังว่าคงจะเข้า Safe Mode กันได้แล้วนะครับ

ความหมายของ Error หรือข้อผิดพลาดหน้าจอสีฟ้า(ฺBlue Screen Of Death) ใน Windows

แนวทางและการแก้ไขเมื่อเจอหน้าจอสีฟ้า(ฺBlue Screen Of Death) ใน Windows ครับ


คำว่า Blue Screen คนเล่นคอม จะรู้จักดีและเป็นสิ่งที่ทุกคนกลัวไม่อยากให้เกิดกับเครื่องของตน เพราะถ้าเกิดนั้นเป็นสัญญาณบอกเหตุว่าคอมของตนเริ่มมีปัญหา แต่ที่น่าเจ็บใจคือมันบอกเป็นเลขรหัสที่เราๆ ท่านๆ ต้องงงเพราะไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร และจะมีทางแก้ไขอย่างไร ป่านไปค้นหามาว่าแต่ละตัวมีความหมายอย่างไร (ไปหาเจอในเวบหนึ่ง จำลิ้งไม่ได้ละ)มาให้คุณๆ ได้อ่าน คิดว่าน่าจะเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาได้บ้าง  รหัสที่แจ้งของ Blue Screen จริงๆ มีเกินร้อยตัวเลยครับ แต่ในที่นี้ เอามายกตัวอย่าง เอามา 20 BSOD ได้แก่

1.(stop code 0X000000BE) Attempted Write To Readonly Memory
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจากการลง driver หรือ โปรแกรม หรือ service ที่ผิดพลาด เช่น ไฟล์บางไฟล์เสีย ไดร์เวอร์คนละรุ่นกัน ทางแก้ไขให้ uninstall
โปรแกรมตัวที่ลงก่อนที่จะเกิดปัญหานี้ ถ้าเป็นไดร์เวอร์ก็ให้ทำการ roll back ไดร์เวอร์ตัวเก่ามาใช้ หรือ หาไดร์เวอร์ที่ล่าสุดมาลง (กรณีที่มีใหม่กว่า) ถ้าเป็น
พวก service ต่างๆที่เราเปิดก่อนเกิดปัญหาก็ให้ทำการปิด หรือ disable ซะ

2.(stop code 0X000000C2) Bad Pool Caller
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
ตัวนี้จะคล้ายกับตัวข้างบน แต่เน้นที่พวก hardware คือเกิดจากอัฟเกรดเครื่องพวก Hardware ต่าง เช่น ram ,harddisk การ์ดต่างๆ ไม่
compatible กับ XP ทางแก้ไขก็ให้เอาอุปกรณ์ที่อัฟเกรดออก ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ให้ลงไดร์เวอร์ หรือ อัฟเดท firmware ของอุปกรณ์นั้นใหม่ และคำ
เตือนสำหรับการจะอัฟเดท ให้ปิด anti-virus ด้วยนะครับ เดียวมันจะยุ่งเพราะพวกโปรแกรม anti-virus มันจะมองว่าเป็นไวรัส

3.(stop code 0X0000002E) Data Bus Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจากการส่งข้อมูลที่เรียกว่า BUS ของฮาร์ดแวร์เสียหาย ซึ่งได้แก่ ระบบแรม ,cache L2 ของซีพียู , เมมโมรีของการ์ดจอ, ฮาร์ดดิสก์ทำงาน
หนักถึงขั้น error (ร้อนเกินไป) และเมนบอร์ดเสีย

4.(stop code 0X000000D1)Driver IRQL Not Less Or Equal
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการไดร์เวอร์กับ IRQ(Interrupt Request ) ไม่ตรงกัน การแก้ไขก็เหมือนกับ error ข้อที่ 1

5. (stop code 0X0000009F)Driver Power State Failure
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจาก ระบบการจัดการด้านพลังงานกับไดรเวอร์ หรือ service ขัดแย้งกัน เมื่อคุณให้คอมทำงานแบบ"hibernate" แนวทางแก้ไข ถ้า
วินโดวส์แจ้ง error ไดร์เวอร์หรือ service ตัวไหนก็ให้ uninstall ตัวนั้น หรือจะใช้วิธี Rollback driver หรือ ปิดระบบจัดการ
พลังงานของวินโดวส์ซะ

6.(stop code 0X000000CE) Driver Unloaded Without Cancelling Pending
Operations
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการไดร์เวอร์ปิดตัวเองทั้งๆ ทีวินโดวส์ยังไม่ได้สั่ง การแก้ไขให้ทำเหมือนข้อ 1

7.(stop code 0X000000F2)Hardware Interrupt Storm
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการที่เกิดจากอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น USB หรือ SCSI controller จัดตำแหน่งกับ IRQ ผิดพลาด สาเหตุจาก
ไดร์เวอร์หรือ firmware การแก้ไขเหมือนกับข้อ 1

8.(stop code 0X0000007B)Inaccessible Boot Device
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้จะมักเจอตอนบูตวินโดวส์ จะมีข้อความบอกว่าไม่สามารถอ่านข้อมูลของไฟล์ระบบหรือ boot partitions ได้ ให้ตรวจฮาร์ดดิสก์ว่าปกติหรือไม่ สาย
แพหรือสายไฟที่เข้าฮาร์ดดิสก์หลุดหรือไม่ ถ้าปกติดีก็ให้ตรวจไฟล์ boot.ini อาจจะเสีย หรือไม่ก็มีการทำงานแบบmulti OS ให้ตรวจดูว่าที่ไฟล์นี้อาจเขียน
config ของ OS ขัดแย้งกัน
อีกกรณีหนึ่งที่เกิด error นี้ คือเกิดขณะ upgrade วินโดวส์ สาเหตุจากมีอุปกรณ์บางตัวไม่ compatible ให้ลองเอาอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นหรือคิดว่ามี
ปัญหาออก เมื่อทำการ upgrade วินโดวส์ เรียบร้อย ค่อยเอาอุปกรณ์ที่มีปัญหาใส่กลับแล้วติดตั้งด้วยไดร์เวอร์รุ่นล่าสุด

9. (stop code 0X0000007A) Kernel Data Inpage Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดมีปัญหากับระบบ virtual memory คือวินโดวส์ไม่สามารถอ่านหรือเขียนข้อมูลที่ swapfile ได้ สาเหตุอาจเกิดจากฮาร์ดดิสก์เกิด bad
sector, เครื่องติดไวรัส, ระบบ SCSI ผิดพลาด, RAM เสีย หรือ เมนบอร์ดเสีย

10. (stop code 0X00000077) Kernel Stack Inpage Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการและสาเหตุเดียวกับข้อ 9

11.(stop code 0X0000001E) Kmode Exception Not Handled
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดการทำงานที่ผิดพลาดของไดร์เวอร์ หรือ service กับ หน่วยความจำ และ IRQ ถ้ามีรายชื่อของไฟล์หรือ service แสดงออกมากับ
error นี้ให้ทำการ uninstall โปรแกรมหรือทำการ roll back ไดร์เวอร์ตัวนั้น
ถ้ามีการแจ้งว่า error ที่ไฟล์ win32k สาเหตุเกิดจาก การ control software ของบริษัทอื่นๆ (Third-party) ที่ไม่ใช้ของ
วินโดวส์ ซึ่งมักจะเกิดกับพวก Networking และ Wireless เป็นส่วนใหญ่
Error นี้อาจจะเกิดสาเหตุอีกอย่าง นั้นคือการ run โปรแกรมต่างๆ แต่หน่วยความจำไม่เพียงพอ

12.(stop code 0X00000079)Mismatched Hal
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดการทำงานผิดพลาดของ Hardware Abstraction Layer (HAL) มาทำความเข้าใจกับเจ้า HAL ก่อน HAL มีหน้าที่
เป็นตัวจัดระบบติดต่อระหว่างฮาร์ดแวร์กับซอฟท์แวร์ว่าแอปพลิเคชั่นตัวไหนวิ่งกับอุปกรณ์ตัวไหนให้ถูกต้อง ยกตัวอย่าง คุณมีซอฟท์แวร์ที่ออกแบบไว้ใช้กับ Dual CPU
มาใช้กับเมนบอร์ดที่เป็น Single CPU วินโดว์ก็จะไม่ทำงาน วิธีแก้คือ reinstall วินโดวส์ใหม่
สาเหตุอีกประการการคือไฟล์ที่ชื่อ NToskrnl.exe หรือ Hal.dll หมดอายุหรือถูกแก้ไข ให้เอา Backup ไฟล์ หรือเอา original ไฟล์ที่
คิดว่าไม่เสียหรือเวอร์ชั่นล่าสุดก๊อปปี้ทับไฟล์ที่เสีย

13.(stop code 0X0000003F)No More System PTEs
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจากระบบ Page Table Entries (PTEs) ทำงานโดย Virtual Memory Manager (VMM) ผิดพลาด ทำ
ให้วินโดวส์ทำงานโดยไม่มี PTEs ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวินโดวส์ อาการนี้มักจะเกิดกับการที่คุณทำงานแบบ multi monitors
ถ้าคุณเกิดปัญหานี้บ่อยครั้ง คุณสามารถปรับแต่ง PTEs ได้ใหม่ ดังนี้
1. ให้เปิด Registry ขึ้นมาแก้ไข โดยไปที่ Start > Run แล้วพิมพ์คำสั่ง Regedit
2. ไปตามคีย์นี้ HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\Session
Manager\Memory Management
3. ให้ดูที่หน้าต่างขวามือ ดับคลิกที่ PagedPoolSize ให้ใส่ค่าเป็น 0 ที่ Value data และคลิก OK
4. ดับเบิลคลิกที่ SystemPages ถ้าคุณใช้ระบบจอแบบ Multi Monitor ให้ใส่ค่า 36000 ที่ Value data หรือใส่ค่า 40000
ถ้าเครื่องคุณมี RAM
128 MB และค่า 110000 ในกรณีที่เครื่องมี RAM เกินกว่า 128 MB แล้วคลิก OK
รีสตาร์ทเครื่อง

14.(stop code 0X00000024) NTFS File System
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้สาเหตุเกิดจากการรายงานผิดพลาดของ Ntfs.sys คือไดร์เวอร์ของ NTFS อ่านและเขียนข้อมูลผิดพลาด สาเหตูนี้รวมถึง การทำงานผิดพลาดของ
controller ของ IDE หรือ SCSI เนื่องจากการทำงานของโปรแกรมสแกนไวรัส หรือ พื้นที่ของฮาร์ดดิสก์เสีย คุณๆสามารถทราบรายละเอียด
ของerror นี้ได้โดยให้เปิดดูที่ Event Viewer วิธีเปิดก็ให้ไปที่ start > run แล้วพิมพ์คำสั่ง eventvwr.msc เพื่อเปิดดู Log
file ของการ error โดยให้ดูการ error ของ SCSI หรือ FASTFAT ในหมวด System หรือ Autochk ในหมวด
Application

15.(stop code 0X00000050)Page Fault In Nonpaged Area
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้สาเหตุการจากการผิดพลาดของการเขียนข้อมูลในแรม การแก้ไขก็ให้ทำความสะอาดขาแรมหรือลองสลับแรมดูหรือไม่ก็หาโปรแกรมที่ test แรมมาตรวจว่า
แรมเสียหรือไม่

16.(stop code 0Xc0000221)Status Image Checksum Mismatch
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้สาเหตุมาจาก swapfile เสียหายรวมถึงไดร์เวอร์ด้วย การแก้ไขก็เหมือนข้อ 15

17.(stop code 0X000000EA) Thread Stuck In Device Driver
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการของ error  นี้คือการทำงานของเครื่องจะทำงานในแบบวนซ้ำๆ กันไม่สิ้นสุด เช่นจะรีสตาร์ทตลอด หรือแจ้งerror อะไรก็ได้ขึ้นมาไม่หยุด ปัญหานี้
สาเหตุอาจจะเกิดจาก bug ของโปรแกรมหรือสาเหตุอื่นๆ เป็นร้อย การแก้ไขให้พยายามทำตามนี้
1.ให้ดูที่  power supply ของคุณว่าจ่ายกำลังไฟเพียงพอกับความต้องการของคอมคุณหรือไม่ ให้ดูว่าในเครื่องคุณมีอุปกรณ์มากไปไม่เหมาะกับ power
supply ของคุณ ก็ให้เปลื่ยนตัวใหม่ให้กำลังมากขึ้น
หรือตรวจดูชิ้นส่วนเครื่อง ตัว Capacitor ที่เมนบอร์ดตัวที่จ่ายไฟเลี้ยง CPU ว่าบวมไหม
2. ให้คุณดูที่การ์ดจอว่าได้ใช้ไดร์เวอร์ตัวล่าสุด ถ้าแน่ใจว่าใช้ตัวล่าสุดแล้วยังมีอาการ ก็ให้ทำการ Rollback ไดร์เวอร์ตัวก่อนที่จะเกิดปัญหา
3. ตรวจดูการ์ดจอและเมนบอร์ดว่าเสียหรือไม่เช่น มีรอยไหม้, ลายวงจรขาด มีชิ้นสวนบางชิ้นหลุดจากตำแหน่งเดิม เป็นต้น
4. ดูที่ bios ว่าส่วนของ  VGA slot เลือกโหมด 4x,8x ถูกตามสเปกของการ์ดหรือไม่
5. เช็คดูที่ผู้ผลิตเมนบอร์ดว่ามีไดร์เวอร์ตัวใหม่หรือไม่ ถ้ามีให้โหลดลงใหม่ซะ
6. ถ้าคุณมีการ์ดแลนหรือเมนบอร์ดของคุณมี on board อยู่ให้ disable ฟังก์ชั่น "PXE Resume/Remote Wake Up" โดย
ไปปิดที่ BIOS

18. (stop code 0X0000007F) unexpected Kernel Mode Trap
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกับนัก overclock (ผมก็คนหนึ่ง) เป็นอาการ RAM ส่งข้อมูลให้ CPU ไม่สัมพันธ์กันคือ CPU วิ่งเร็วเกินไป หรือร้อนเกินไป
สาเหตุเกิดจากการ overclock วิธีแก้ก็คือลด clock ลงมาให้เป็นปกติ หรือ หาทางระบายความร้อนจาก CPU ให้มากที่สุด

19. (stop code 0X000000ED)Unmountable Boot Volume
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการที่วินโดวส์หาฮาร์ดดิสก์ไม่เจอ (ไม่ใช่ตัวบูตระบบ) ในกรณีที่คุณมีฮาร์ดดิสก์หลายตัว หนึ่งในนั้นคุณอาจใช้สายแพของฮาร์ดดิสก์ผิด เช่น ฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ
33MB/secound ซึ่งต้องใช้สายแพ 40 pin แต่คุณเอาแบบ 80 pin ไปต่อแทน

20. (STOP 0x0000008e" error message during Windows XP setup
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
แรมที่ใช้อยู่มีปัญหาหรือแรมใหม่ที่นำมาใส่เกิดความไม่เข้ากันของฮาร์ดแวร์   ให้ลองเปลี่ยนแรมใหม่มาใส่ดู
หรือไฟจ่ายไม่สม่ำเสมอให้ลองเปลี่ยนพาวเวอร์ซัพพลายดูครับ

เพิ่มเติม BSOD(ฺBlue Screen Of Death)  ได้ตามลิงค์ http://www.carrona.org/bsodindx.html

Best Free Anti-Virus Software (โปรแกรมป้องกันไวรัสฟรีที่ดีที่สุด)


วันนี้เป็นวันแรกที่ผมเริ่มลงบทความใน blog นะครับ ซึ่งวันแรกที่ลงนั้น ผมได้นำโปรแกรมป้องกันไวรัสฟรีที่ดีที่สุด มาให้ได้ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ แต่ก่อนอื่นเรามาดูความหมายของคำว่า "โปรแกรมป้องกันไวรัส" ก่อนก่อนดีกว่านะครับ

โปรแกรมป้องกันไวรัส (Anti-Virus software) หรือในวงการเรียกว่า แอนติไวรัส/แอนติสปายแวร์ (Anti-Virus/Anti-Spyware) เป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันและกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์(ต่อจากนี้จะเรียกว่าไวรัส) จากผู้ไม่หวังดีทางอินเทอร์เน็ต

โปรแกรมป้องกันไวรัสมี 2 แบบใหญ่ๆ

   1. แอนติไวรัส เป็นโปรแกรมโปรแกรมป้องกันไวรัสทั่วๆไป จะค้นหาและทำลายไวรัสในคอมพิวเตอร์ของเรา
   2. แอนติสปายแวร์ เป็นโปรแกรมป้องกันการโจรกรรมข้อมูล จากไวรัสสปายแวร์ และจากแฮ็คเกอร์ รวมถึงการกำจัด Adware ซึ่งเป็นป๊อปอัพโฆษณาอีกด้วย

โปรแกรมป้องกันไวรัส จะค้นหาและทำลายไวรัสที่ไฟล์โดยตรง แต่ในทุกๆวันจะมีไวรัสชนิดใหม่เกิดขึ้นมาเสมอ ทำให้เราต้องอัพเดตโปรแกรมป้องกันไวรัสตลอดเวลา เพื่อให้คอมพิวเตอร์ของเราปลอดภัย โดยแอนติไวรัสจะมีหลายรูปแบบตามบริษัทกันไปและแต่ละบริษัท จะมีการอัพเดตและการป้องกันไม่เหมือนกัน แต่ในคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวไม่ควรมีแอนติไวรัส 2 โปรแกรมเพราะจะทำให้โปรแกรมขัดแย้งกันเอง จนไม่สามารถใช้งานได้

ต่อไปมาดูสุดยอดโปรแกรมป้องกันไวรัสฟรีที่ดีที่สุดกันต่อเลยนะครับ

[1] AntiVir
เว็บไซต์:http://www.free-av.com
ผู้ผลิต: Avira
วันที่: 01/12/2008
เวอร์ชั่น: 7.06.00.268
ขนาดไฟล์ดาวน์โหลด: 20.3MB
ลิขสิทธิ์: Freeware
ระบบปฏิบัติการที่สนับสนุน: Windows 95/98/Me/NT/2000/XP/Vista
สามารถใช้ได้บน 64 Bit: yes
รองรับเวอร์ชั่นพกพา(Portable version): no
รองรับระบบหลายภาษา: yes
ความต้องการซอร์ฟแวร์สนับสนุนตัวอื่นๆ: no

[2] AVG Anti Virus
เว็บไซต์: http://free.grisoft.com/
ผู้ผลิต: Grisoft
วันที่: 12/20/2007
เวอร์ชั่น:7.5.516
ขนาดไฟล์ดาวน์โหลด:31.5MB
ลิขสิทธิ์: Freeware
ระบบปฏิบัติการที่สนับสนุน: Windows 98/Me/NT/2000/XP/Vista
สามารถใช้ได้บน 64 Bit : no
รองรับเวอร์ชั่นพกพา(Portable version): no
รองรับระบบหลายภาษา: no
ความต้องการซอร์ฟแวร์สนับสนุนตัวอื่นๆ: no

[3] Avast
เว็บไซต์: http://www.avast.com/eng/avast_4_home.html
ผู้ผลิต: Alwil Software
วันที่: 01/12/2008
เวอร์ชั่น: 4.7
ขนาดไฟล์ดาวน์โหลด:18.0MB
ลิขสิทธิ์: Freeware
ระบบปฏิบัติการที่สนับสนุน: Windows 95/98/Me/NT/2000/XP/Vista
สามารถใช้ได้บน 64 Bit: yes
รองรับเวอร์ชั่นพกพา(Portable version): no
รองรับระบบหลายภาษา: yes
ความต้องการซอร์ฟแวร์สนับสนุนตัวอื่นๆ: no

[4] BitDefender
เว็บไซต์: http://www.bitdefender.com/
ผู้ผลิต: Softwin
วันที่: 8/23/2007
เวอร์ชั่น: 8.0
ขนาดไฟล์ดาวน์โหลด: 13.18B
ลิขสิทธิ์: Freeware with registration
ระบบปฏิบัติการที่สนับสนุน: Windows 95/98/Me/NT/2000/XP/Vista
สามารถใช้ได้บน 64 Bit: no
รองรับเวอร์ชั่นพกพา(Portable version): yes
รองรับระบบหลายภาษา: yes
ความต้องการซอร์ฟแวร์สนับสนุนตัวอื่นๆ: no

[5] ClamWin Free Antivirus
เว็บไซต์: http://www.clamwin.com
ผู้ผลิต: Sourcefire, Inc
วันที่: 12 June 2009
เวอร์ชั่น: 0.95.2
ขนาดไฟล์ดาวน์โหลด: 27.4MB
ลิขสิทธิ์: Freeware
ระบบปฏิบัติการที่สนับสนุน: Windows 95/98/Me/NT/2000/XP/Vista
สามารถใช้ได้บน 64 Bit: no
รองรับเวอร์ชั่นพกพา(Portable version): no
รองรับระบบหลายภาษา: yes
ความต้องการซอร์ฟแวร์สนับสนุนตัวอื่นๆ: no

ครับ ตามรายชื่อข้างต้นนี้ ขึ้นอยู่กับความชอบและความคุ้นเคยของแต่ละคนนะครับ ว่าชอบหรือเคยใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสฟรีตัวไหนมาก่อน ก็จะชอบและติดใจกับตัวนั้นมากกว่า :)